พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กสท.มีมติกำหนดหลักเกณฑ์ร่างประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การแบ่งเวลาให้ผู้อื่นดำเนินรายการ โดยกำหนดให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเจ้าของช่องรายการในระบบทีวีดิจิตอล ต้องแบ่งช่วงเวลาให้ผู้ประกอบการรายอื่นดำเนินงานไม่น้อยกว่า 10% และไม่เกิน 25% ของช่วงเวลาออกอากาศทั้งหมด เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กที่ไม่มีศักยภาพพอจะประมูลช่องรายการได้ให้ได้มีโอกาสในการประกอบกิจการ และไม่ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตช่องรายการปล่อยช่วงเวลาให้เช่าแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ดำเนินการด้วยตนเอง โดยหากมีคนมาขอเช่าเวลาจริงเจ้าของใบอนุญาตจะไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยจะรวมไปถึงช่องรายการที่เป็นต่างประเทศด้วยเช่นกันในเบื้องต้น กสท.ยังไม่ได้มีการกำหนดค่าบริการในการเช่าเวลา หากแต่การดำเนินการต้องอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม เพราะไม่เช่นนั้นในอนาคต กสท.อาจทบทวนเรื่องการร่างประกาศที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดอัตราราคาอีกครั้ง
นอกจากนี้ บอร์ดฯ มีมติเปลี่ยนแปลงร่างประกาศ กสทช. เรื่อง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ จากเดิมที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องชำระค่าธรรมเนียมจากรายได้รวมทั้งสิ้น 2% ต่อปี แบ่งการชำระทั้งสิ้น 2 ครั้งต่อปี มาเป็นให้ผู้ประกอบการทั้งหมดสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นปีละ 1 ครั้ง รวมทั้งให้ผู้ประกอบการรายเล็กต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตราก้าวหน้า ในสัดส่วนเงินรายได้รวมไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อปี ให้จ่ายค่าธรรมเนียมในอัตรา 1.5% และหากรายได้รวมเกิน 5 ล้านบาทต่อปีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตรา 2%
พ.อ.นที กล่าวต่อว่า บอร์ดมีมติเปลี่ยนแปลงการกำหนดสถานีฐานภาคพื้นดินสำหรับกิจการโทรทัศน์จาก 41 แห่งให้เหลือ 38 แห่ง เนื่องจากสถานีบางแห่งมีขนาดเล็กเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดพื้นที่ในการให้บริการช่องรายการในหมวดบริการชุมชนของทีวีดิจิตอลในอนาคตได้ พร้อมทั้งจะให้สถานีที่ถูกปรับลดในครั้งนี้ไปทำหน้าที่สถานีเสริมแทน ทั้งนี้จะเสนอให้บอร์ด กสทช.พิจารณาในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ร่วมกับร่างประกาศ เรื่อง มาตรฐานเทคนิคสำหรับการให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบทีวีดิจิตอล และร่างประกาศ เรื่องมาตรฐานทางเทคนิคสำหรับเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบกิจิตอล เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข่าวเด่น