สำนักข่าวซินหัว รายงานข่าวว่าเมื่อเวลา 02.00 น.วันนี้ ( 15 ตุลาคม 2555 ) สมเด็จนโรดม สีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์กัมพูชา ทรงสวรรคตแล้วในระหว่างให้แพทย์รักษาที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ขณะมีพระชนม์มายุ 90 พรรษา หลังป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ เบาหวาน และความดันสูง
โดยรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชายืนยันกับสำนักข่าวซินหัวว่า "สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ได้เสด็จสวรรคตแล้วอย่างสงบ และนี่ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวกัมพูชา พวกเรารู้สึกเศร้ามาก พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ และเราเคารพรักท่านมาก"
พร้อมระบุว่า พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตรย์ของกัมพูชา จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อรับพระศพของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ กลับไปยังกัมพูชาเพื่อประกอบพระราชพิธีศพ
นโรดม สีหนุ พระราชสมภพเมี่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2465 ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต และสมเด็จพระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตน์ สิริวัฒนา โดยทรงเป็นมหากษัตริย์กัมพูชา 2 ช่วงคือปี พ.ศ. 2484 - 2498 และ พ.ศ. 2536 - 2547 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2484 หลังจากพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ (พระอัยกา )สวรรคต ต่อมา ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2498 ให้แก่พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต พระราชบิดา เพื่อทรงดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็น นายกรัฐมนตรี ของประเทศกัมพูชา
หลังจากพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต พระราชบิดาสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2503 จึงทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ ของกัมพูชา โดยไม่ได้ประกอบพิธีราชาภิเษก จนกระทั่งถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยนายพลลอน นอล หลังจากความวุ่นวายทางการเมืองหลายปี เมื่อมีการสถาปนาราชอาณาจักรกัมพูชาขึ้นมาใหม่ ทรงครองราชสมบัติครั้งที่สองเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2536 ก่อนจะสละราชสมบัติเมี่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ขณะทรงมีพระชนมพรรษา 82 พรรษา ปัจจุบันทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น "พระมหาวีรกษัตริย์ พระวรราชบิดา เอกราช บูรณภาพดินแดน และความเป็นเอกภาพแห่งชาติเขมร"
อย่างไรก็ดีเมื่อปีพ.ศ. 2552 สมเด็จนโรดม สีหนุ ขณะมีพระชนม์มายุครบ 87 ชันษา ทรงมีพระราชสาสน์ดำรัสว่า พระราชบิดาของพระองค์ทรงสวรรคตเมื่อครั้งพระชนม์มายุ 64 ชันษา และสำหรับพระองค์แล้ว ปรารถนาจะสวรรคตในเร็ว ๆ นี้ โดยพระองค์อยากจะขอบใจเหล่าเพื่อนร่วมชาติที่ชอบอวยพรให้พระองค์มีพระชนม์มายุยืนยาวนับร้อยปี แต่พระองค์ขอให้พวกเขาอย่าอวยพรพระองค์เช่นนั้น เพราะพระองค์อยากจะสิ้นสวรรคตเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยไม่ต้องฝืนหลักศาสนาของพระพุทธเจ้าที่ห้ามการฆ่าตัวตาย
และเมื่อต้นปีนี้ พระองค์ได้ระบุผ่านเว็บไซต์ของพระองค์ว่า พระองค์ต้องการจะได้รับการฌาปนกิจเผาร่าง และให้นำอัฐของพระองค์ไว้ในโกฐทองคำ และตั้งไว้ในเจดีย์พระราชวังหลวง " โดยเป็นความประสงค์ที่จะให้มีพระราชพิธีศพตามธรรมเนียมพุทธและกัมพูชา ภายหลังการสวรรคต
ข่าวเด่น