ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยออยล์ชี้ทิศทางราคาน้ำมันขึ้นต่อ หลังความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ทวีความรุนแรงขึ้น


เบรนท์ส่งมอบ ม.ค  ปรับเพิ่มขึ้น 2.75 เหรียญฯ ปิดที่ 111.70 เหรียญฯ ขณะที่เวสต์เท็กซัส ส่งมอบ ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2.36 เหรียญฯ ปิดที่ 89.28 เหรียญฯ

+ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสทวีความรุนแรงขึ้น หลังอิสราเอลโจมตีพื้นที่หลายบริเวณในฉนวนกาซาเมื่อวานนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมนับร้อย โดยทางอิสราเอลประกาศว่าพร้อมส่งกองกำลังทหารเข้าโจมตีหากยังไม่มีการเจรจาหยุดยิง แม้ว่าจะมีนักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่าความรุนแรงดังกล่าวอาจจะไม่มีผลกระทบต่ออุปทานจากตะวันออกกลาง แต่นักลงทุนก็ยังคงมีความกังวลอยู่

+ แนวโน้มว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถรับมือปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีแรงหนุนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น

+ ผลกระทบจากพายุเฮอริเคนแซนดี้ ทำให้รัฐนิวยอร์กและนิวเจอร์ซี่ในสหรัฐอเมริกาขยายเวลานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปที่คุณภาพต่ำกว่าข้อกำหนดจากเดิมสิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ย. เป็นสิ้นสุด ณ วันที่ 7 ธ.ค. เนื่องจากยังคงขาดแคลนน้ำมันสำเร็จรูปอยู่
+ ดัชนีตลาดบ้านในเดือน ต.ค. ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากมาอยู่ที่ 46 โดยนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 42 ขณะที่ยอดขายบ้านมีอสองของสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 0.1 ล้านหลังมาอยู่ที่ 4.79 ล้านหลัง โดยคิดเป็นอัตราเติบโต 2.1% ทั้งนี้ตลาดบ้านในสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

- นักวิเคราะห์คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 16 พ.ย. จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเบนซินคงคลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลส่วนน้ำมันดีเซลจะปรับตัวลดลง 1 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีอุปสงค์จากอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นมากหลังโรงกลั่นในอินโดนีเซียมีการหยุดซ่อมบำรุงและความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ แม้ว่าอุปสงค์จากอินโดนีเซียและเวียดนามจะค่อนข้างคงที่และตลาดที่ไม่มีการซื้อขายมากนักเนื่องจากส่วนใหญ่กำลังเจรจาสำหรับสัญญาซื้อขายในปีหน้า

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้เบรนท์ 107 -115 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 85 - 93 เหรียญฯ 
สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์หนุนราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันจะยังถูกกดดันจากความกังวลปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปและการจัดการปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐฯ ส่วนในวันนี้ติดตามการประชุมรัฐมนตรีการคลังสหภาพยุโรปและยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ

- ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันอังคาร: ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ

วันพุธ: ผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ดัชนีภาคการผลิต (Flash PMI) และความรู้สึกผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

วันพฤหัส: ตลาดสหรัฐฯปิดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ความรู้สึกผู้บริโภคของสหภาพยุโรป ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนี (IFO Business Climate) ดัชนีภาคการผลิตจีน (HSBC Flash PMI)

วันศุกร์: จีดีพี ไตรมาส 3/55 ของเยอรมนี

-ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ (กลุ่มฮามัส) รวมทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในซีเรียยังคงสร้างความกังวลในเรื่องความเสี่ยงต่ออุปทานน้ำมันดิบ

- การประชุมรัฐมนตรีการคลังสหภาพยุโรปในวันที่ 20 พ.ย. นี้ ซึ่งจะหารือเรื่องการอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่กรีซมูลค่า 31.5 พันล้านยูโร โดย EC/ECB/IMF

- จับตาว่าสเปนจะตัดสินใจขอเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปหรือไม่และเมื่อไร ซึ่งจะนำไปสู่การที่ธนาคารกลางยุโรปจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสเปน

- การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 19-20 พ.ย.นี้ ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่หลังถูกกดดันจากนายอาเบะ อย่างไรก็ดีตลาดคาดว่าธนาคารจะตรึงนโยบายการเงินไว้จนถึงการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 19-20 ธ.ค. นี้ และอาจจะเลื่อนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไปจนกว่าจะถึงต้นปีหน้า

- การหาทางออกให้กับปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของประธานาธิบดี      โอบามาที่จำเป็นต้องสำเร็จก่อนที่มาตรการเพิ่มภาษีและลดค่าใช้จ่ายจะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2556 ซึ่งขณะนี้พรรคเดโมแครตที่มีเสียงส่วนมากในวุฒิสภายังมีความไม่ตรงกับพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทน โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นภาษี

 - การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน  หลังนาย สี จิ้นผิงได้รับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของจีนแล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 พ.ย. 2555 เวลา : 10:53:36

02-06-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 2, 2024, 11:35 am