" WTI ขึ้นจากข่าวท่อส่งน้ำมันดิบซีเวย์ของสหรัฐฯ จะเปิดดำเนินการต้นปีหน้า "
เบรนท์ส่งมอบ ก.พ. ปรับลดลง 0.54 ปิดที่ 107.64 เหรียญฯ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.47 ปิดที่ 87.20 เหรียญฯ
+ ท่อส่งน้ำมันดิบซีเวย์ (Seaway pipeline) กำลังการส่ง 250,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นส่วนขยายจากท่อส่งเดิมที่มีกำลังการผลิต 150,000 บาร์เรลต่อวัน จะเปิดดำเนินการในช่วงต้นเดือน ม.ค. 56 ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ สามารถส่งน้ำมันดิบจากคลังน้ำมันที่บริเวณคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ไปยังโรงกลั่นน้ำมันที่รัฐเท็กซัสได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตมาเป็น 850,000 บาร์เรลต่อวันในปี 57
+ ราคาน้ำมัน WTI และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น จากความหวังที่ว่าประธานาธิบดีโอบามาและจอห์น เบห์เนอร์ ประธานสภา จะสามารถตกลงกันในเรื่องประเด็นภาษีคนรวยได้สำเร็จ หลังมีการหารือกันวานนี้ ทั้งนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ หลีกเลี่ยงวิกฤตหน้าผาทางการคลัง (fiscal cliff) ได้ก่อนที่มาตรการขึ้นภาษีและลดรายจ่ายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. นี้
+ ตลาดคาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 ธ.ค. จะปรับลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล เนื่องจากนำเข้าลดลงและโรงกลั่นน้ำมันเก็บสต๊อกต่ำเพื่อประเด็นทางภาษี ส่วนปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังและดีเซลคงคลัง คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.7 และ 1.2 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ
+ สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังคงดำเนินต่อ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในซีเรีย ปัญหาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ รวมทั้งในอียิปต์ ที่กลุ่มต่อต้านประธานาธิบดีจะออกมาประท้วงอีกครั้งในวันนี้ (18 ธ.ค.)
- ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของรัฐนิวยอร์กในเดือน ธ.ค. ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ -8.1 จากเดือน พ.ย. ที่ -5.2 ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่การจ้างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ชี้ให้เห็นว่าภาคการผลิตและการจ้างงานในรัฐนิวยอร์กยังไม่ฟื้นตัว
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นและอินโดนีเซียยังคงนำเข้าในระดับสูง รวมทั้งมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาจากซาอุดิอาระเบีย
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ และแรงซื้อในตลาด อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นและไม่มีโอกาสขนส่งน้ำมันไปขายที่ยุโรป
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 105 -112 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 83-90 เหรียญฯ
ราคาจะยังคงผันผวนจากแรงกดดันเรื่องปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงสร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบ ติดตามการหารือ Fiscal cliff และการประท้วงครั้งใหม่ในอียิปต์
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันอังคาร: ดุลบัญชีเดินสะพัดสหรัฐ ดัชนีสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ
วันพุธ: ยอดการขอสร้างบ้านใหม่ ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี
วันพฤหัส: จีดีพีไตรมาส 3(Final) ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย รวมทั้งดัชนีความรู้สึกต่อผู้บริโภคยูโรโซน
วันศุกร์: รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลสหรัฐ ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและดัชนีราคาผู้บริโภค และความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี
- ติดตามความคืบหน้าของการหาทางออกให้กับปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ หลังการหารือล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโอบามากับจอห์น โบห์เนอร์ ผู้นำคนสำคัญของพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ แต่มีสัญญาณว่าเจรจาแบบลับดังกล่าวดำเนินไปด้วยดี
- ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์หลังอิสลา เอลประกาศแผนเดินหน้าสร้างที่อยู่อาศัยในเขตเวสต์แบงค์เพื่อตอบโต้ UN ที่รับรองสถานะปาเลสไตน์ให้เป็นรัฐชาติ รวมทั้งสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรียยังเป็นที่กังวลต่อนานาชาติโดยเฉพาะ ประเด็นความเสี่ยงของการใช้อาวุธเคมี
- การประท้วงของกลุ่มต่อต้านประธานาธิบดีในอียิปต์และการลงประชามติรับรองรัฐธรรมนูญของอียิปต์ (ครั้งที่ 2) ในวันที่ 22 ธ.ค. นี้
- ติดตามความพยายามล่าสุดในการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปประเด็นโครงการนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนม.ค.
ข่าวเด่น