ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยออยล์คาดแนวโน้มน้ำมัน 7-11ม.ค.ปรับลดลง จากการเจรจาปรับลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐ


บมจ. ไทยออยล์ สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมัน 31 ธ.ค.55-4 ม.ค.56 และคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์น้ำมัน 7-11 ม.ค.56 ระบุถึง แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน (7 - 11 ม.ค. 56)

ราคาน้ำมันคาดว่าจะปรับลดลงจากการเจรจาปรับลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่คงค้างอยู่และจะต้องหาข้อสรุปให้ได้ในระยะเวลา 2 เดือน ก่อนที่หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ จะชนเพดานที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 16.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงผลของการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 10 ม.ค.นี้ ว่าจะมีนโยบายและมาตรการอย่างไรในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจยุโรปที่อยู่ในภาวะตกต่ำ

ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
•    แผนการแก้ปัญหาระยะยาวของงบประมาณสหรัฐฯที่ขาดดุลอย่างมหาศาลเป็นจำนวน 1,089.19 ล้านล้านเหรียญฯ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุน แม้ว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนของแผนการแก้ไขปัญหาหน้าผาการคลังก็ตาม
•    การเจรจาของสภาคองเกรสเพื่อหาข้อสรุปการลดรายจ่ายภาครัฐบาลที่เป็นประเด็นคงค้างและได้ยืดออกไปชั่วคราวเป็นเวลา 2 เดือน รวมทั้งติดตามว่าสหรัฐฯจะตัดสินใจขยายเพดานหนี้เพื่อให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเติมก่อนที่หนี้สาธารณะจะชนเพดานที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งหากไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะมีความเสี่ยงที่สหรัฐฯจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับต่างๆ
•    ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 10 ม.ค.โดยธนาคารกลางยุโรปจะมีมุมมองอย่างไรต่อสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์หนี้สินโดยรวมของกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปในปี 2556  รวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาการคลังร่วมกันของกลุ่มยูโรโซนในระยะยาว และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพิ่มเติม
•    ในช่วงเดือน ม.ค.โรงกลั่น Motiva ในรัฐเท็กซัสพยายามกลับมาดำเนินการผลิต หลังจากที่ปิดตัวลงอย่างกะทันหันจากเหตุไฟไหม้ โดยคาดว่าโรงกลั่น Motiva จะทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตจนเต็มกำลังการผลิตที่ 325,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในระยะเวลาสองเดือน ซึ่งจะส่งผลให้มีอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้น
•    ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก อัตราการว่างงาน และจีดีพีไตรมาส 3 ของยูโรโซน ยอดคำสั่งซื้อของโรงงานและดุลการค้าของเยอรมนี ดุลการค้าและยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานของสหรัฐฯ

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (31 ธ.ค.55 – 04 ม.ค. 56)
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.69 เหรียญฯ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 111.31 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 2.29 เหรียญฯ มาปิดที่ 93.09 เหรียญฯ


ตลาดน้ำมันดิบขานรับข้อสรุปของการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ หลังยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายเดือนก่อนได้ข้อสรุปเฉียดเส้นตายแบบหวุดหวิดในวันสุดท้ายของปี 2555 โดยมีข้อสรุปที่จะไม่ปรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 เหรียญฯต่อปี และครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 450,000 เหรียญฯต่อปี ส่วนบุคคลธรรมดาหรือครัวเรือนที่มีรายรับเกินกว่าข้อกำหนดข้างต้นจะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 39.6% จาก 35.0%

นอกจากนี้ ยังมีข้อสรุปให้ขยายเวลาการปรับลดค่าใช้จ่ายออกเป็นการชั่วคราวอีก 2 เดือน โดยจะทำการหารือและหาข้อสรุปภายใน 1 มี.ค. ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้งเบรนท์และเวสต์เท็กซัสพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ หลังเปิดตลาดในวันแรกของปี 2556 อย่างไรก็ดี ความกังวลใหม่เกี่ยวกับการจัดการงบประมาณรายรับรายจ่ายของสหรัฐฯที่ขาดดุลอย่างมหาศาล รวมถึงปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ที่จำเป็นจะต้องขยายออกไป ถือเป็นความเสี่ยงที่กดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. ที่ปรับเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่งตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ มีส่วนพยุงราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในช่วงสิ้นสัปดาห์


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ม.ค. 2556 เวลา : 13:24:32

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:03 am