พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึง การปรับขึ้นค่าผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ตามสัญญาสัมปทาน ที่จะมีผลในเดือนกันยายน 2556 นั้นว่า ตนได้มอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พิจารณาเรื่องดังกล่าวตามขั้นตอนและให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานระหว่าง กทพ. กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล ซึ่งมีเงื่อนไขกำหนดว่าจะปรับทุก 5 ปี ตามอัตราเงินเฟ้อและดัชนีผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังให้ กทพ.ไปหารือผู้ที่เกี่ยวข้องว่าเหมาะสมหรือไม่กับการผลักภาระภาษีมูลค่า เพิ่ม (แวต) 7% ให้กับผู้ใช้ทาง เพราะที่ผ่านมา กทพ.ต้องแบกรับแวตแทนผู้ใช้ทางด่วนประมาณ 800 ล้านบาทต่อปีตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน คิดเป็นเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังเห็นว่า กทพ.ควรจะรับภาระนี้ต่อไป
ด้านนายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า กทพ.จะเริ่มเจรจากับบีอีซีแอลในเดือนมีนาคมนี้ จากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. คณะรัฐมนตรี (ครม.) และต้องประกาศล่วงหน้า ซึ่งจะมีผลทันทีในวันที่ 1 กันยายน 2556 ทันที 5 บาท การปรับครั้งนี้จะส่งผลให้อัตราค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จาก 45 บาท เป็น 50 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ จาก 70 บาท เป็น 80 บาท และรถยนต์ 10 ล้อขึ้นไป จาก 100 บาท เป็น 115 บาท และส่งผลให้กทพ.มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 58 ล้านบาท เป็น 61 ล้านบาทต่อวัน จากปริมาณรถที่ใช้บริการบนทางด่วนเมื่อเดือนธันวาคม 2555 ที่เฉลี่ยถึง 1.7 ล้านคันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 5 แสนคันต่อวัน และคาดว่าจะมีมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 2 ล้านคันต่อวัน ภายในเดือนเมษายนนี้
ข่าวเด่น