" น้ำมันดิบปรับขึ้น หลังราคาบ้านในสหรัฐฯหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน"
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.13 ปิดที่ 97.57 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.88 ปิดที่ 114.36 เหรียญฯ
+ ราคาบ้านใน 20 เมืองขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 และเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นต่อปีที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี 2549 สะท้อนในเห็นถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ
+ ตลาดจับตามองผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำ 0-0.25% อย่างต่อเนื่องจนกว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 6.5% พร้อมทั้งยังเข้าซื้อสินทรัพย์เป็นมูลค่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญฯ ทุกเดือน นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์จีดีพีในไตรมาส 4/55 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% ชะลอตัวลงจากไตรมาส 3 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 3.1%
- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ปิด ณ วันที่ 25 ม.ค. 56 ปรับเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล
+ สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอียิปต์ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง หลังกลุ่มผู้ต่อต้านประธานาธิบดีมูฮัมหมัด เมอร์ซี ยังคงฝ่าฝืนกฎเคอร์ฟิวและมีการประท้วงอย่างต่อเนื่องในหลายเมือง โดยเฉพาะ 3 เมืองใกล้คลองสุเอช ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งน้ำมัน ล่าสุดรัฐมนตรีกลาโหมของอียิปต์กล่าวว่าความขัดแย้งทางการเมืองอย่างต่อ เนื่องและรุนแรงอาจนำไปสู่การล่มสลายของประเทศในที่สุด
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทวงกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในยุโรปปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับอุปทานที่ลดลงในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ค่อนข้างเบาบาง แม้ว่าเวียดนามจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นสวนทวงกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในยุโรปที่เพิ่มขึ้นจากอากาศที่หนาวเย็น และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในแอฟริกาใต้ แม้ว่าอุปสงค์ในภูมิภาคยังคงเบาบาง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 108 -115 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 92-100 เหรียญฯ โดยสัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจและสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและ แอฟริกาเหนือ ส่วนวันนี้ติดตามจีดีพี ไตรมาส 4 ปี 2555 และการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ รวมถึงแถลงการณ์ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ / ผลประกอบการไตรมาส 4/55 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้แก่
วันพุธ: จีดีพีไตรมาส 4 /55 (ครั้งที่ 1) และการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ รวมถึงแถลงการณ์ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ /โบว์อิ้ง
วันพฤหัส: ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน รายจ่ายและรายได้ส่วนบุคคลสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก ดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี
วันศุกร์: อัตราการว่างงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนีภาคการผลิตและตัวเลขการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตและอัตราการว่างงานยูโรโซน ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตโดยทางการจีนและHSBC /เมอร์ค
ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 29-30 ม.ค. 2556 ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะมีมุมมองอย่างไรต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งมุมมองต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ QE4
- จับตาการอนุมัติแผนเพิ่มเพดานหนี้ชั่วคราวระยะเวลา 3 เดือน ของสหรัฐฯ ที่จะช่วยให้สหรัฐฯ ไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้และไม่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง รวมถึงเพื่อเพิ่มเวลาให้สภาฯ คองเกรสได้เจรจาการปรับลดงบประมาณในระยะยาวได้สำเร็จ
- การขนส่งน้ำมันดิบของท่อส่ง Seaway ของสหรัฐฯ คาดว่าจะกลับมาเต็มกำลังที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ได้ในสัปดาห์นี้ หลังมีการแก้ปัญหาถังน้ำมันปลายทางที่รัฐเท็กซัสเต็มซึ่งทำให้ต้องลดกำลังขน ส่งลงสู่ 170,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อสัปดาห์ก่อน
- ติดตามนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลใหม่ของอิสราเอลที่จะมีต่อปาเลสไตน์และ อิหร่าน หลังล่าสุดการเจรจาระหว่าง IAEAและอิหร่านยังไม่คืบหน้า
- ติดตามปัญหาความไม่สงบในอียิปต์ที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพในตะวันออกกลางและ แอฟริกาเหนือ ซึ่งอาจกระทบต่ออุปทานน้ำมันจากภูมิภาคดังกล่าว
ข่าวเด่น