+ เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางมีทีท่าจะรุนแรงมากขึ้น โดยมีความเป็นไปได้ว่าซีเรียอาจออกมาตอบโต้อิสราเอลด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฏหมายดินแดนระหว่างประเทศ หลังเหตุการณ์รถเครื่องบินของอิสราเอลได้ระเบิดรถบรรทุกอาวุธ บริเวณชายแดนซีเรีย-เลบานอน ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อนักลงทุนว่าอุปทานน้ำมันดิบอาจได้รับผลกระทบ
+ ความกังวลต่อเรื่องนิวเคลียร์อิหร่านกลับมาอีกครั้ง หลังอิหร่านออกมาประกาศว่ามีการวางแผนงานที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมบางส่วนแก่โครงการเครื่องปฏิกรณ์แร่ยูเรเนียม ซึ่งจัดเป็นเทคโนโลยีก้าวกระโดดแบบใหม่ที่จะช่วยอิหร่านสามารถพัฒนาการศึกษาเครื่องปฏิกรณ์แร่ยูเรนียมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
+ รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐฯเดือนม.ค.56 ปรับตัวสูงขึ้น 2.6% เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่ 0.7% หลังรัฐบาลสหรัฐฯแก้ปัญหาหน้าผาการคลังได้สำเร็จ และจากการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเดือนและรายได้จากโบนัสประจำปี ส่วนรายจ่ายส่วนบุคคลในเดือนเดียวกันปรับลดลงเล็กน้อยที่ 0.2% จากการประมาณที่ 0.3% เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับสูงกดดันการใช้น้ำมันของประชาชน
+ ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก เดือน ม.ค.56 ปรับเพิ่มขึ้น 5.6 มาอยู่ที่ 55.6 มากกว่าคาด เนื่องจากในเดือนธ.ค.55 ผู้ผลิตพยายามลดระดับสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับต่ำในช่วงสิ้นปีเพื่อลดภาษีสินค้าคงคลังสิ้นปี และกลับมาผลิตเพิ่มในเดือนม.ค.56
- ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานของสหรัฐฯประจำสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้น 38,000 ตำแหน่ง อยู่ที่ 368,000 ตำแหน่ง ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากกลางเดือน ม.ค.56 เป็นต้นมา อย่างไรก็ดี ตัวเลขเฉลี่ยของเดือน ม.ค.56 ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 352,000 ตำแหน่ง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ภายในภูมิภาคที่ปรับสูงขึ้น ในขณะที่อุปทานปรับตัวลดลงตามแผนการซ่อมบำรุงของโรงกลั่นใน ไต้หวัน อินเดีย และ มาเลเซีย ประกอบกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ ที่ปรับตัวลดลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากผู้ซื้อกังวลว่าอุปทานจะตึงตึวมากขึ้นตามแผนการซ่อมบำรุงของโรงกลั่นต่างๆภายในภูมิภาค
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์หน้า เบรนท์ 110 -118 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 92-100 เหรียญฯ โดยวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ อัตราการว่างงาน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ รวมทั้ง ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยุโรป และจีน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันศุกร์: อัตราการว่างงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนีภาคการผลิตและตัวเลขการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตและอัตราการว่างงานยูโรโซน ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตโดยทางการจีนและHSBC /เมอร์ค
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า / ผลประกอบการไตรมาส 4/55 ของบริษัท
จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้แก่
วันจันทร์: ยอดคำสั่งซื้อของโรงงานสหรัฐฯ ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์ค ดัชนีความเชื่อมั่น
นักลงทุนยูโรโซน (Sentix)
วันอังคาร: ดัชนีภาคการบริการและยอดขายปลีกยูโรโซน ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ/เคลลอกก์
วันพุธ: ยอดคำสั่งซื้อของโรงงานเยอรมนี /ทาม วอร์เนอร์
วันพฤหัส: การผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนี การประชุมธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษ ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิตจีน ดุลการค้าสหรัฐฯ ดุลการค้าเยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรมอิตาลี
- ติดตามปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลโจมตีรถบรรทุกอาวุธที่คาดว่าจะถูกส่งจากซีเรียไปยังกลุ่มหัวรุนแรงในเลบานอน ประกอบกับต้องติดตามท่าทีของอิหร่านต่อสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้อิหร่านประกาศสนับสนุนซีเรีย หากมีการแทรกแซงจากอิสราเอลหรือชาติตะวันตกในซีเรีย
- ติดตามสถานการณ์การเจรจาครั้งใหม่ระหว่าง IAEA และอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หลังจากอิหร่านยังไม่แสดงท่าทีตอบรับที่จะเจรจาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ IAEA ได้เสนอไป อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติมภายในเดือน ก.พ. ปี 56 อาจส่งผลให้การเจรจาดังกล่าวล้มเหลว
- ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษในวันที่ 6-7 ก.พ.ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่
ข่าวเด่น