นายแพทย์ศรายุทธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า สบู่ดำซึ่งเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ใช้รักษาโรค โดยเปลือกลำต้นและใบของสบู่ดำ นำมาต้มใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร สมานแผล แก้เหงือกอักเสบ ส่วนใบทำเป็นยาชงแก้ไอ ต้มแก้ท้องเสีย ลดไข้ นอกจากนี้ สบู่ดำยังสามารสกัดเป็นพลังงานทดแทนได้
แต่ทั้งนี้ทุกปี จะมีรายงานผู้ป่วยเกิดอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเมล็ดของสบู่ดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนักเรียน สำหรับสารพิษของสบู่ดำนั้น จะอยู่ที่เมล็ดและยาง หากยางของสบู่ดำถูกผิวหนัง จะเกิดอาการระคายเคือง บวมแดง ปวดแสบ ปวดร้อน หากเข้าตาจะทำให้ตาอักเสบ อาจบอดชั่วคราวได้ และหากเมื่อรับประทานเมล็ดสบู่ดำเข้าไป ประมาณ 30-60 นาที จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด บางรายอาการรุนแรง มือเท้าเกร็ง หายใจเร็ว หอบ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาจเสียชีวิตได้ ซึ่งหากยางสบู่ดำโดนผิวหนัง ขอให้รีบล้างน้ำและฟอกสบู่ทันที
ส่วนผู้ที่ได้รับสารพิษจากการรับประทานเมล็ดสบู่ดำ การช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น ให้ดื่มนมจำนวนมาก หรือทำให้อาเจียนเพื่อเอาพิษของสบู่ดำออกจากร่างกาย แล้วนำส่งแพทย์ทันที พร้อมเตือนผู้ปกครองได้ระมัดระวังบุตรหลานห้ามไม่ให้รับประทานเมล็ดสบู่ดำ และป้องกันไม่ให้ยางของเมล็ดสบู่ดำโดนผิวหนังโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ชุมชนหรือสถานศึกษาที่ปลูกต้นสบู่ดำไว้ใช้ประโยชน์ ต้องติดชื่อต้นไม้ พร้อมบอกสรรพคุณและสารที่เป็นพิษให้ชัดเจน
ข่าวเด่น