การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 175.24 จุด หรือ 1.26% ปิดที่ 14,075.37 จุด และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 19.05 จุด หรือ 1.27% ปิดที่ 1,515.99 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 32.61 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 3,162.26 จุด
ทั้งนี้เหตุผลที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กล้วนปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการแถลงปกป้องมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นวันที่ 2 ซึ่งเขายืนยันว่า มาตรการ QE หรือโครงการซื้อพันธบัตรของเฟด ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ และจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ ปัจจัยบวกเรื่องสัญญาการซื้อบ้านที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ช่วยเป็นแรงหนุนให้ดัชนีปรับสูงขึ้น โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบรายเดือน แตะที่ระดับ 105.9 ในเดือนมกราคม ซึ่งถือว่าสูงเกินคาด และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2553
รวมถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจของ 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 91.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ จาก 89.5 ในเดือนมกราคม ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นแตะระดับเกือบ 90
ข่าวเด่น