"WTI ขึ้นต่อ หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรและราคาเบนซินล่วงหน้าสหรัฐฯ พุ่ง"
 
เวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.39 ปิดที่ 91.95  เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับลดลง 0.30  ปิดที่ 110.85เหรียญฯ
 
+ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ.ที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 236,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 160,000ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานเดือน ก.พ. ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ที่ 7.7% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวที่ดีแม้ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับภาวะที่มีการเก็บภาษีสูงขึ้นและรัฐบาลมีการใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายก็ตาม
 
- อย่างไรก็ตาม ตัวแรงการจ้างงานที่ดีขึ้นนี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน เทียบกับค่าเงินยูโร ทำให้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ขณะเดียวกันก็ส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบเบรนท์ให้ปรับตัวลดลง
 
+ ราคาน้ำมันเบนซินที่ตลาดล่วงหน้าสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นหนุนราคาน้ำมันดิบ โดยราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นนี้เป็นผลมาจากราคาเอทานอลซึ่งเป็นส่วนผสมหนึ่งในน้ำมันเบนซินตามกฎหมายเชื้อเพลิงหมุนเวียนของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก
 
 + ตลาดกังวลว่าเหตุการณ์ระเบิดต่อเนื่องทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียจะส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของประเทศ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือลดลงหลังซูดานและซูดานใต้มีข้อตกลงจะถอนกำลังทหารที่ชายแดนออกตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. นี้
 
- ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนปรับลดลงในเดือน ก.พ. 9% เทียบจากเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมาที่ค่อนข้างสูงและความต้องการใช้ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่จีนที่เบาบาง แม้ว่าตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือน ม.ค.- ก.พ. จะปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดที่ 23.6% ก็ตาม
 
- ฟิทช์ เรทติ้งหั่นอันดับความน่าเชื่อถืออิตาลีลงจาก A- สู่ BBB+ เนื่องจากมองว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองจะนำเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่อิตาลีจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลงอีกในอนาคต
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังมีแรงซื้อจากเวียดนามเพิ่มเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอุปทานน้ำมันเบนซินในเอเซียยังคงคาดว่าจะตึงตัวในช่วงที่โรงกลั่นหลายแห่งปิดซ่อมบำรุง
 
ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เพราะแม้ว่าความต้องการนำเข้าจากเวียดนามและฟิลิปปินส์จะเพิ่มขึ้น แต่อุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคในช่วงนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
 
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้เบรนท์ 108-115เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส  88-95 เหรียญ ตลาดเฝ้าจับตาการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลีและการผ่านแผนงบประมาณประจำปีของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และยูโรโซน
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
 
วันจันทร์: ดุลการค้าเยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรมฝรั่งเศส
 
วันอังคาร: ดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรมอังกฤษ
 
วันพุธ:ยอดขายปลีกสหรัฐฯ การผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน
 
วันพฤหัส: ดุลบัญชีเดินสะพัดสหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานยูโรโซน ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ รายงานธนาคารกลางยุโรป
 
วันศุกร์:การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯและยูโรโซน ดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค  ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ (ม. มิชิแกน)
 
- รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน มี.ค. ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)ในวันที่12 มี.ค. รวมถึงรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) และโอเปกในวันที่ 13มี.ค.
 
 - จับตาการเปิดประชุมสภาของอิตาลี เพื่อการจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่ในวันที่ 15  มี.ค. หลังผลการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมายังไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากทั้งในสภาสูงและสภาล่าง ซึ่งถ้าหากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำอิตาลีอาจจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อรักษาการณ์จนกว่าจะมีการกำหนดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
 
- ติดตามความคืบหน้าของการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสหรัฐฯ โดยวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่สหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับภาวะขาดงบประมาณของประเทศซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 มี.ค. นี้ หลังร่างดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสภาผู้ทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค.  
 
- การเลือกตั้งของเวเนซุเอลาที่จะจัดขึ้นนัวนที่ 14 เม.ย. นี้ ติดตามว่ารองประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโรจะได้รับเลือกตั้งตามที่อดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซตั้งใจไว้หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างๆ ของประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย
 
- ติดตามการกลับมาส่งออกน้ำมันซูดานใต้อีกครั้ง หลังความรุนแรงระหว่าซูดานและซูดานใต้คลี่คลายและมีข้อตกลงจะถอนกำลังทหารที่บริเวณชายแดนออกตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. เป็นต้นไป