เบรนท์ร่วงต่อ หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาแย่ ส่วน WTI ขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า" เบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับลดลง 0.63 ปิดที่ 110.22 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.11 ปิดที่ 92.06 เหรียญฯ - ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาต่ากว่าคาด โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค. - ก.พ. ขยายตัว 9.9% จากปีก่อน ซึ่งนับเป็นการขยายตัวที่น้อยที่สุดนับจากต.ค. ปีก่อน ส่วนยอดค้าปลีกโตเพียง 12.3% ต่าสุดในรอบ 9 ปี ชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนช้ากว่าที่คาดไว้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 2 ของโลก - นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือน ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.2% จากปีก่อน มากกว่าคาดที่ 3% เนื่องจากราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้นมาก ซึ่งความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นนั้น จะกดดันรัฐบาลจีนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ - การผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโอเปกในเดือน ก.พ.ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปรับขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดือน ม.ค. โดยซาอุฯ ส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ก.พ. ลดลง ส่งสัญญาณว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกมีแนวโน้มปรับลดลง - ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุดสัปดาห์ที่ 8 มี.ค. คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาร์เรล เนื่องจากมีการนาเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นและโรงกลั่นเตรียมปิดซ่อม + เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร เนื่องจากนักลงทุนเทขายเงินดอลลาร์เพื่อทากาไร หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากเมื่อวันศุกร์จากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาดี โดยนักลงทุนมีการโยกย้ายเงินกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นและน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้นมาปิดในแดนบวกวานนี้ + อย่างไรก็ตาม ปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ราคาน้ำมันไม่ปรับลดลงไปมากกว่านี้ โดยการสู้รบในซีเรียระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฎที่กินเวลากว่า 2 ปี ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อสถานการณ์การสู้รบจะลุกลามไปยังประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายอื่น ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้นจากภาวะอุปทานตึงตัว ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในเอเชียมีแนวโน้มปรับลดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาไม่ดีนัก ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้เบรนท์ 108-115 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 88-95 เหรียญ ตลาดเฝ้าจับตาการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลีและการผ่านแผนงบประมาณประจาปีของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ส่วนในวันนี้ติดตามรายงานสถานการณ์น้ำมันประจาเดือนมี.ค. ของ EIA ของสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคาร: ดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรมอังกฤษ วันพุธ: ยอดขายปลีกสหรัฐฯ การผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน วันพฤหัส: ดุลบัญชีเดินสะพัดสหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานยูโรโซน ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ รายงานธนาคารกลางยุโรป วันศุกร์: การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯและยูโรโซน ดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ(ม.มิชิแกน) - รายงานสถานการณ์น้ำมันประจาเดือน มี.ค. ของสานักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ในวันที่12 มี.ค. รวมถึงรายงานของสานักงานพลังงานสากล (IEA) และโอเปกในวันที่ 13 มี.ค. - จับตาการเปิดประชุมสภาของอิตาลี เพื่อการจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่ในวันที่ 15 มี.ค. หลังผลการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมายังไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากทั้งในสภาสูงและสภาล่าง ซึ่งถ้าหากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สาอิตาลีอาจจาเป็นต้องมีการแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อรักษาการณ์จนกว่าจะมีการกาหนดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง - ติดตามความคืบหน้าของการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีของสหรัฐฯ โดยวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่สหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับภาวะขาดงบประมาณของประเทศซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 มี.ค. นี้ หลังร่างดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสภาผู้ทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค. - การเลือกตั้งของเวเนซุเอลาที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 เม.ย. นี้ ติดตามว่ารองประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโรจะได้รับเลือกตั้งตามที่อดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซตั้งใจไว้หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างๆ ของประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย - ติดตามการกลับมาส่งออกน้ำมันซูดานใต้อีกครั้ง หลังความรุนแรงระหว่าซูดานและซูดานใต้คลี่คลายและมีข้อตกลงจะถอนกาลังทหารที่บริเวณชายแดนออกตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. เป็นต้นไป
ข่าวเด่น