เบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.(สิ้นสุดสัญญา)ปรับเพิ่ม 0.90 ปิดที่ 109.42 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับเพิ่ม 0.51 ปิดที่ 93.03 เหรียญฯ (สัญญาเดือน พ.ค. ปรับลดลง 0.11 ปิดที่ 108.41 เหรียญฯ)
 
+ ราคาน้ำมัน WTI ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ เนื่องจากตลาดแรงงานในสหรัฐฯส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง10,000 ตำแหน่ง จาก 342,000 ตำแหน่ง มาที่ 33,200 ตำแหน่ง ลดลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือน ม.ค. นอกจากนี้ตัวเลขเฉลี่ย 4 สัปดาห์ล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5
 
+  แม้ว่าทิศทางของตลาดแรงงานดีขึ้น แต่ตลาดคาดว่าในการประชุมสัปดาห์หน้าธนาคารกลางสหรัฐฯจะยังคงนโยบายซื้อพันธบัตรรายเดือน 85 พันล้านเหรียญฯ เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
+ นอกจากนี้ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับเดือน ก.พ. ตัวเพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก่อนหน้า และ 1.8% ช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้น 7.2% หากไม่รวมราคาอาหารและพลังงานดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% หมายความว่าสหรัฐฯมีเงินเฟ้อแบบอ่อนๆเท่านั้น ซึ่งหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯสามารถใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง
 
- องค์กรน้ำมันหลายสำนัก เช่น EIA และ OPEC ปรับลดประมาณการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลก โดย EIA ปรับอุปสงค์ลง 40,000 บาร์เรล เหลือขยายตัวที่ 1.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งจีนที่มีแนวโน้มจะเข้าควบคุมเงินเฟ้อในประเทศ ซึ่งอาจชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง ซึ่งอาจทำให้ปริมาณการใข้น้ำมันขยายตัวในอัตราลดลง
 
- อุปทานน้ำมันดิบในตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้น หลังซูดานใต้จะกลับมาผลิตน้ำมันดิบในอีก 3 สัปดาห์หน้า หลังจากหยุดการผลิตไปกว่า 1 ปี ประกอบกับข่าวลือที่ซาอุดิอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เพื่อรองรับแรงซื้อจากภูมิภาคเอเชียที่สูงขึ้น
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากเวียดนามลดปริมาณการนำเข้าลง แม้ว่าปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ปรับลดลง
 
ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันในเวียดนามและอินโดนีเซียลดลง ทำให้เวียดนามนำเข้าน้ำมันดีเซลลดลง ในขณะที่อินโดนีเซียส่งออกไปสิงคโปร์ นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์หน้าเบรนท์ 105-112 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส  88-95 เหรียญ ติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของอิตาลีและความคืบหน้าในการอนุมัติงบประมาณประจำปีของสหรัฐฯ ส่วนในวันนี้ติดตามการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯและยูโรโซน ดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค  ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ(ม.มิชิแกน) 
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันศุกร์: การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯและยูโรโซน ดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค  ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ(ม.มิชิแกน)
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้าได้แก่
วันจันทร์: ดัชนีตลาดบ้านสหรัฐฯ โดย NAHB ดุลการค้ายูโรโซน
วันอังคาร: ดัชนี้ชี้วัดภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนและเยอรมนี (ZEW) ยอดขอสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯ
วันพุธ: ดุลบัญชีเดินสะพัดและดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยูโรโซน รายงานการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ การประชุมและแถลงการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ
วันพฤหัส: ดัชนีภาคการผลิตและยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย ดัชนีภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน เยอรมนีและฝรั่งเศส ดัชนีภาคการผลิตจีนโดย HSBC
วันศุกร์: ดัชนี้ชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี (Ifo)
 
  - จับตาการความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลี หากยังไม่มีฝ่ายใดจับมือกันจนได้เสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา อิตาลีอาจจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อรักษาการณ์จนกว่าจะมีการกำหนดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
- ติดตามการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสหรัฐฯ โดยวุฒิสภาในวันนี้ซึ่งคาดว่าจะมีการเสนอร่างกฎหมายเพิ่มเติมจากร่างที่สภาคองเกรสเสนอก่อนหน้าและส่งกลับไปให้สภาคองเกรสพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการที่สหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับภาวะขาดงบประมาณของประเทศซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 มี.ค. นี้
 
- ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะมีมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายการเงินและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอย่างไร หลังตัวเลขเศรษฐกิจโดยเฉพาะตลาดแรงงาน อสังหาริมทรัพย์และตัวเลขค้าปลีกปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 - ติดตามการเจรจารอบใหม่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรายละเอียดทางเทคนิคของโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกีในวันที่ 17-18 มี.ค. ก่อนจะมีการเจรจาระดับหัวหน้าคณะผู้แทนในวันที่ 5-6 เม.ย.