“ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 105-112 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 88-95 เหรียญฯ”

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน (18 – 22 มี.ค. 56)

ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้คาดว่าจะยังคงผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย ทั้งการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของอิตาลี การผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปีของสหรัฐฯ ผลการเจรจาในระดับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเรื่องโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ตัวเลขภาคการผลิตและภาคบริการจากทั้งสหรัฐฯและยุโรป รวมทั้งผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐว่าจะมีความเห็นต่อเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในอนาคตอย่างไร 

ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

* ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะมีมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายการเงิน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอย่างไร หลังตัวเลขเศรษฐกิจโดยเฉพาะตลาดแรงงาน ตลาดอสังหาริมทรัพย์และตัวเลขค้าปลีกปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ต้องติดตามรายงานประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในอีก 2 ปีข้างหน้าว่าจะมีมุมมองออกมาอย่างไร 

* ความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลอิตาลี หากยังไม่มีฝ่ายใดจับมือกันจนได้เสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภาได้ อาจทำให้ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเข้ามาบริหารประเทศ ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งภายในปีนี้ ความไม่แน่นอนดังกล่าวสร้างความกังวลด้านความต่อเนื่องของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่อนักลงทุนและหนี้สาธารณะของประเทศ
 

* การเจราจารอบใหม่ในระดับ “ผู้เชี่ยวชาญ” ในรายละเอียดทางเทคนิคของโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกีในวันที่ 17-18 มี.ค. ก่อนที่จะมีการเจรจาในระดับหัวหน้าคณะผู้แทนอีกครั้งระหว่างวันที่ 5-6 เม.ย. ที่ประเทศคาซัคสถานเพื่อหาข้อตกลงยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน

* การลงมติร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Government Shutdown ที่จะมีผลในวันที่ 27 มี.ค.นี้ หลังสภาสูงซึ่งนำโดยพรรคเดโมแครตได้เสนอร่างกฎหมายเพิ่มเติมกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรที่นำโดยพรรครีพับริกันพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ทั้งสองพรรคมีความเห็นไม่ตรงกัน

* ติดตามนโยบายเศรษฐกิจของจีน หลังนายสี จิ้นผิงเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 13 มี.ค. และนายหลี เค่อเฉียง ที่มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งงนายกฯ ในวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตมากกว่าเป้าที่ 7.5% อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังสร้างกดดันต่อการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่

* ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สาคัญ ได้แก่ ยอดขอสร้างบ้านใหม่ ดัชนีภาคการผลิต ยอดขายบ้านมือสองและผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเยอรมนีโดย ZEW และ Ifo ดัชนีภาคการผลิตจีนโดย HSBC ดุลการค้ายูโรโซน ดัชนีภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน เยอรมนีและฝรั่งเศส 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (11 – 15 มี.ค. 56) 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 1.50 เหรียญฯ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 93.45 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 1.03 เหรียญฯ มาปิดที่ 109.82 เหรียญฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไปปรับตัวลดลงกว่า 1  เหรียญฯ มาปิดที่ประมาณ 105 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาดทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคค้าปลีก ตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบของซาอุฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 9.15 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.พ. ประกอบกับการที่เกาหลีใต้เตรียมพิจารณาปิดช่องโหว่ทางกฎหมายในการขอคืนภาษีนำเข้าน้ำมันดิบเป็นปัจจัยที่กดดันให้ราคาน้ำมันดิบโดยเฉพาะน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ตัวเลขน้ำมันคงคลังบริเวณคุชชิ่งโอคลาโฮม่าที่ปรับลดลง ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสไม่ให้ปรับลดลงไปมากนัก