"วิกฤตไซปรัส" ที่ล่าสุดถูกสแตนดาร์แอนด์พัวร์ หรือ เอสแอนด์พี ลดอันความน่าเชื่อถือลง 1 ขั้น มาอยู่ที่ CCC หรือ ระดับ" ขยะ" เพราะอาจต้องเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ หลังหลังจากรัฐสภาไซปรัสปฏิเสธมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากในระบบธนาคาร
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ยื่นคำขาดว่าจะตัดความช่วยเหลือจากไซปรัสในวันจันทร์หน้า หากไซปรัสไม่สามารถระดมเงินทุนให้มากเพียงพอในการหลีกเลี่ยงภาวะล่มสลายทางการเงิน ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าหากไซปรัสผิดนัดชำระหนี้ จะส่งผลให้ระบบการธนาคารของไซปรัสล่มสลายและจะส่งผลกระทบลูกโซ่ในยูโรโซน
จากปัจจัยลบอย่างหนักของวิกฤตการณ์ไซปรัสกำลังล่มสลายทางการเงินในขณะนี้ และไฟอาจลามทุ่งไปยังยูโรโซน ที่เดิมก็เผชิญปัญหาเรื่องหนี้หนักหนาและยังไม่สามารถหาทางออกได้อยู่แล้ว ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปยิ่งหวาดผวามากขึ้น และล่าสุด เมื่อคืนนี้ (21 มีนาคม) ตลาดหุ้นในยุโรปปิดตลาดร่วงกราวตามๆกัน
โดยดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 294.47 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,774.85 จุด ลดลง 54.71 จุด ร่วงลง 1.43% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 7,932.51 จุด ลดลง 69.46 จุด ลดลง 0.87% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,388.55 จุด ลดลง 44.15 จุด ร่วงลง 0.69%
นอกจากนี้ ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปที่ร่วงลง ยังได้รับปัจจัยลบจากมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนในเดือนมีนาคมปรับตัวลงสู่ระดับ 46.5 จาก 47.9 ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนภาคธุรกิจโดยรวมของเยอรมนี แม้ว่าจะมีการขยายตัวในเดือนนี้ แต่ก็เป็นไปในอัตราที่ชะลอลง โดยดัชนี PMI เบื้องต้นของเยอรมนี อ่อนแรงลงมาอยู่ที่ 51.0 ในเดือนมีนาคม จาก 53.3 ในเดือนกุมภาพันธ์
ข่าวเด่น