เบรนท์ส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.06  ปิดที่ 111.08 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน พ.ค.ปรับลดลง 0.16  ปิดที่ 97.07 เหรียญฯ

รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า ความต้องการน้ำมันดิบจากซาอุดิมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในช่วง 2-3 เดือน ข้างหน้า ชี้ให้เห็นว่าเอเชียซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักกำลังมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น

- ท่อส่งน้ำมันดิบเพกาซุสของบริษัทเอ็กซอนโมบิล กำลังการส่ง 90,000 บาร์เรลต่อวัน ที่เชื่อมจากแคนาดามายังตอนกลางของภาคตะวันตกของสหรัฐฯและต่อมายังโรงกลั่นในบริเวณอ่าวเม็กซิโก ต้องปิดซ่อมบำรุงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากท่อเกิดการรั่ว ทำให้คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในบริเวณตอนกลางของภาคตะวันตกของสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งกดดันราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส นอกจากนี้จากปัญหาการรั่วของน้ำมันดิบลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การขออนุญาตสร้างท่อส่งน้ำมันดิบจากแคนาดามายังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ในอนาคตทำให้ยากขึ้น

ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาเป็นที่น่าผิดหวัง โดยดัชนีภาคการผลิต (Official PMI) ในเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.9 สูงสุดในรอบ 11 เดือน แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ชี้ให้เห็นว่า ความต้องการใช้น้ำมันจากจีนอาจไม่โตเร็วอย่างที่คาดไว้
 
- ส่วนดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ  (ISM) ในเดือน มี.ค. ขยายตัวช้าลง โดยดัชนีปรับลดลงมาอยู่ที่ 51.3 จาก 54.2 ในเดือน ก.พ. เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อที่ปรับลดลง ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะไม่ขยายตัวเร็วอย่างที่คาดไว้ ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 1 ของโลก

- การซื้อขายในตลาดเบาบาง เนื่องจากตลาดในอังกฤษและยุโรปยังคงปิดเมื่อวานนี้ เนื่องในวันหยุดอีสเตอร์

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากการใช้น้ำมันของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ. ปรับลดลง 7% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปทานจะมีความตึงตัวขึ้น หลังโรงกลั่นในเอเชียปิดซ่อมบำรุงประจำปี

ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่มีมากในเอเชีย จากการใช้ที่ปรับลดลงและไม่มีโอกาสในการขนย้ายน้ำมันไปยังยุโรป

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้เบรนท์ 105-112 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส  92-99 เหรียญ ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปและการเจรจาระหว่างอิหร่านกับ 6 ประเทศมหาอำนาจในสัปดาห์นี้

ส่วนวันนี้ติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตและอัตราการว่างงานยูโรโซน รวมทั้งยอดคำสั่งซื้อโรงงานของสหรัฐฯ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันอังคาร: ดัชนีภาคการผลิตและอัตราการว่างงานยูโรโซน ยอดคำสั่งซื้อโรงงานสหรัฐฯ
วันพุธ: การจ้างงานภาคเอกชนและดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน ดัชนีภาคบริการจีนโดยทางการจีนและ HSBC
วันพฤหัส: การประชุมธนาคารกลางยุโรป ดัชนีภาคบริการยูโรโซน ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ยอดขายปลีกยูโรโซน  ยอดคำสั่งซื้อของโรงงานเยอรมนี ดุลการค้า อัตราการว่างงานและตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
 

- ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 4 เม.ย.  ว่าจะมีนโยบายทางการเงินอย่างไร โดยเฉพาะนโยบายดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจยูโรโซนยังอยู่ในภาวะเปราะบาง
- ติดตามผลกระทบต่อประเทศสมาชิกยูโรโซน หลังจากธนาคารกลางยุโรป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศอนุมัติเงินช่วยเหลือไซปรัสจำนวน 10,000 ล้านยูโร แลกกับการประกาศล้มละลายธนาคารใหญ่อันดับสองของประเทศ
 - จับตาความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลี หลังจากไม่มีฝ่ายใดได้เสียงข้างมากทั้งสภาผู้แทนฯและวุฒิสภาหากไม่สำเร็จ อาจทำให้อิตาลีต้องมีการแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราว จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
- ติดตามการเจรจาระดับหัวหน้าผู้แทนระหว่างอิหร่าน และ 6 ชาติมหาอำนาจในวันที่ 5-6 เม.ย.นี้ ว่าจะสามารถตกลงกันได้หรือไม่ โดย 6 ชาติมหาอำนาจยื่นข้อเสนอลดมาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่าน เพื่อแลกกับการที่อิหร่านลดการเก็บสะสมและลดสมรรถนะแร่ยูเรเนียมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สามารถสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้