เบรนท์ส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.57 ปิดที่ 106.23 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.84 ปิดที่ 94.20 เหรียญฯ
 
+ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากค่าเงินสกุลดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร โดยค่าเงินสกุลยูโรแข็งค่าขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค.มาอยู่ที่ 1.31 ยูโรต่อดอลลาร์ นอกจากนี้นักลงทุนยังเทขายเงินสกุลดอลลาร์ที่มีความเสี่ยงต่ำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนสูงกว่าเช่น ตลาดน้ำมัน และตลาดทุน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
 
+ รัฐบาลจีนคาดว่าจะยังคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคจีน (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดอัตราเงินเฟ้อ ปรับลดลงจากเดือน ก.พ.ที่ 3.2%มาอยู่ที่ 2.1% ในเดือน มี.ค. ซึ่งดัชนีที่สูงในเดือน ก.พ.เป็นผลมาจากราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน
 
+ การเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจที่ยังไร้ความคืบหน้า รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ โดยล่าสุดเกาหลีเหนือออกประกาศเตือนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอพยพออกจากเกาหลีใต้ หากไม่ต้องการเป็นเหยื่อของสงครามอาวุธนิวเคลียร์
 
+/- ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีของเยอรมัน โดยดุลการค้าเยอรมันเดือน ก.พ.ที่ออกมาดีกว่าคาดที่เกินดุล 17.1 พันล้านยูโร แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน  มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่เกินดุล 16.2 พันล้านยูโร อย่างไรก็ตาม ดุลการค้าฝรั่งเศสเดือน ก.พ.ขาดดุลอยู่ที่ 6 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล 5.7 พันล้านยูโร ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ที่ขาดดุล 5.5 พันล้านยูโร
 
- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณปริมาณน้ำมันดิบคงคลังเพิ่มขึ้น 5.1ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 390.7 ล้านบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบคงคลังบริเวณคุชชิ่ง โอคลาโฮมาปรับเพิ่มขึ้น 888,000 บาร์เรล
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากเวียดนามซึ่งเป็นผู้นำเข้าหลักในภูมิภาค กลับมานำเข้าน้ำมันเบนซินในปริมาณมากขึ้น ท่ามกลางช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาค
 
ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับน้ำมันดิบดูไบ อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มเติมที่ตลาดสิงค์โปร์และการ์ต้า ถึงแม้ว่ายังไม่มีโอกาสในการเคลื่อนย้ายน้ำมันดีเซลไปขายที่ประเทศแถบตะวันตกก็ตาม 
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์หน้าเบรนท์ 102-108 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส  90-96 เหรียญฯ ติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ การผลิตภาคอุตสาหกรรมฝรั่งเศสและอิตาลี ดุลการค้าจีน รายงานประจำเดือนกลุ่มโอเปก
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันพุธ: รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ การผลิตภาคอุตสาหกรรมฝรั่งเศสและอิตาลี ดุลการค้าจีน รายงานประจำเดือนกลุ่มโอเปก
วันพฤหัส: รายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนของธนาคารกลางยุโรป ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนีและฝรั่งเศส รายงานประจำเดือน IEA
วันศุกร์: การประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน การผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน ยอดขายปลีกสหรัฐฯ ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ (ม. มิชิแกน)
 
- ติดตามเหตุรั่วไหลท่อส่งน้ำมันดิบของบริษัทเอ็กซอลโมบิล ซึ่งมีกำลังส่ง 90,000 บาร์เรลต่อวัน ว่าจะมีผลทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังบริเวณตอนกลางฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะบริเวณคุชชิ่งเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด
 
  - จับตาความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลี หลังจากไม่มีฝ่ายใดได้เสียงข้างมากทั้งสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา ล่าสุดประธานาธิบดีของอิตาลีได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อปูทางให้ประธานนาธิบดีคนใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งภายในเดือน เม.ย. ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในปีนี้
 
- จับตาการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศยูโรโซนที่จะจัดขึ้นที่ประเทศไอร์แลนด์ในวันที่ 12 เม.ย. ว่าจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สินในยูโรโซนอย่างไร หลังไซปรัสได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 ล้านยูโร ตลาดคาดว่าประเทศต่อไปที่มีโอกาสขอเงินช่วยเหลือคือสโลวีเนีย
 
- ติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้นในหลายภาคส่วนตั้งแต่ช่วงต้นปี