พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อรับฟังสรุปรายงานสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จากแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมให้กำลังใจในการทำงานของนายอำเภอและข้าราชการใน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี รวมถึงพบปะผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนเดินทางว่า เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) นายกรัฐมนตรีได้เชิญฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายพัฒนา และตัวแทนกระทรวงมหาดไทย ร่วมหารือถึงการบูรณาการทำงานร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะลงมากำกับดูแลกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนและเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายงบประมาณ

เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์ในช่วงครบรอบ 9 ปีกรือเซะ ในวันที่ 28 เมษายนนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นห่วงพื้นที่ภาคใต้ตลอด ซึ่งได้แจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ แต่สื่อมวลชนไม่ควรให้ความสำคัญกับวันครบรอบเหตุการณ์ต่างๆ เพราะจะกลายเป็นการกระตุ้นเตือนกลุ่มก่อความไม่สงบลงมือก่อเหตุ

“ผมเข้าใจว่าสื่อมวลชนมีสิทธิในการนำเสนอข้อเท็จจริง แต่ท่านต้องดูด้วยว่าสิ่งที่นำเสนอสร้างผลเสียต่อชาติหรือไม่ ไปที่ระเบิดที่บอสตันว่าสื่อเขาทำอย่างไรถึงสามารถจับมือระเบิดได้ภายใน 2 วัน การเสนอข่าวที่เกี่ยวกับความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญที่สื่อต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไปขยายความให้เกิดความเสียหาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษารวมตัวประท้วงให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวครูสาวโรงเรียนตาดีกา กำปงบูเกต หลังเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปสอบสวน เนื่องจากต้องสงสัยว่าเกี่ยวกับการวางระเบิดทหารพรานที่ 4302 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเชิญตัวไปสอบสวนเพราะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องและให้การสนับสนุนบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในขบวนการก่อความไม่สงบ เนื่องจากมีการโทรศัพท์ติดต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีข้อมูลและหลักฐาน จึงได้นำตัวไปสอบสวน หากใครไม่ต้องการให้เชิญตัวไปสอบก็อย่าทำผิด เพราะไม่ใช่ทำผิดแล้วมาประท้วงให้ปล่อยตัว