สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +8.68 จุด ซื้อหุ้นใหญ่ผลักดันดัชนี
หุ้นไทยแกว่งขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะ CPALL ที่รีบาวด์ต่อเนื่อง หลังมีข่าวแย่งดีลซื้อหุ้น MAKRO สะท้อนนัยถึงดีลนี้คุ้มค่า ส่วนการหารือระหว่างนายกฯ-คลัง-ธปท. ยังไม่มีมาตรการดูแลค่าเงินบาท ต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิ 2.74 พันลบ.
ทิศทางตลาดวันนี้ : แกว่งสลับ +/- รอนโยบายดบ.เปลี่ยนหรือไม่
หุ้นโลกปิดบวกลบไม่มาก ระหว่างวันแกว่งผันผวนทั้งแดนบวกและลบสลับกัน หลังสหรัฐฯ เผย GDP ไตรมาส 1/56 โต 2.5% ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 3.0% สัปดาห์มีปัจจัยติดตามเยอะ (1) ธปท.เรียกประชุม กนง.นัดพิเศษ คาดหารือมาตรการสกัดบาทแข็ง (2) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดลดดบ.ลง 0.25% เพื่อกระตุ้นศก. (3) เครือข่ายภาคประชาชนยื่นศาลปกครองระงับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนลบ. มอง SET แกว่งบวกลบแคบ ๆ รอปัจจัยใหม่ แนวรับ 1570-75 แนวต้าน 1590+/-
กลยุทธ์การลงทุน : ทยอยขายกำไรช่วงตลาดขยับขึ้น
เราแนะนำทยอยขายทำกำไรในช่วงตลาดขยับขึ้นใกล้ 1600 ประเด็นหุ้นน่าสนใจ คือ 1.หุ้นงบ 1Q56F ดี แนะนำ AAV, AGE, ANAN, ASP, BECL, CPN, JAS, KAMART, KCE, KTC, MINT, PS, SNC, STEC, SYMC, WORK คาดดีทั้ง YoY และ QoQ ส่วน AH, AMATA, CENTEL, HMPRO, LPN, QH, SPALI คาดดีขึ้น YoY 2.น้ำมันที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง เริ่มส่งผลดีต่อบรรยากาศหุ้นโภคภัณฑ์ ชอบตัวเดียว PTTGC 3.หุ้นที่ได้ประโยชน์หากดบ.ลด อสังหาริมทรัพย์ (LH, QH, PF) รับเหมา (CK, ITD, STEC) ลีสซิ่ง (ASK, TK, TCAP) 4.หุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวก BLAND, DNA, TUF
หุ้นเด่นรายวัน : DELTA , TCAP
DELTA – บาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า ล่าสุดอยู่ที่ 29.2 ฿/$ หลังทางการกำลังหาทางดูแลเงินบาท ช่วยลดแรงกดดันหุ้นส่งออกอย่างเช่นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร ความต้องการแข็งแกร่งกว่าที่คาดมาก กำไร 1Q56F น่าจะมากกว่า 1.2 พันลบ.+78% YoY และ +27% QoQ นอกจากนี้ DELTA ยังเป็นหุ้นปันผลดี yield เฉลี่ยมากกว่า 5% ต่อปี มูลค่าเหมาะสม 45 บ. (PER 12 เท่าปี 56F)
TCAP – เราปรับประมาณการกำไรหลักของ TCAP ในปี 56-58F ขึ้นโดยเฉลี่ย 4% เพื่อสะท้อนรายได้ค่าธรรมเนียม 1Q56 ที่แข็งแกร่ง และสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ดีขึ้นในระยะกลาง ความกังวลเรื่องการเพิ่มทุนและจำนวนการตั้งสำรองฯ ที่น้อยไปน่าจะคลี่คลายลง เมื่อมีการขายหุ้น “ธนชาตประกันชีวิต” ออกไปใน 2Q56 (มีกำไร 4.7 พันลบ.) ซึ่งจะทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงปรับขึ้นมาอยู่ที่ 9.5% ในสิ้นปี 56F จากที่อยู่น้อยกว่า 8% ใน 1Q56 เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” โดยมีมูลค่าเหมาะสมที่ 51 บ. (GGM)
ปัจจัยติดตาม
EUตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหภาพยุโรปในเดือน เม.ย. (สุดท้าย)
GE-SPตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมันและสเปนในเดือน เม.ย.
ITตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของอิตาลีในเดือน เม.ย. และประมูลพันธบัตรอิตาลี
SPตัวเลขยอดค้าปลีกของสเปนในเดือน มี.ค.
USตัวเลขยอดขายบ้านรอปิดการขายและรายได้-การใช้จ่ายของสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค.
30 เม.ย.
THประชุมธนาคารกลางไทย (BOT) และตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือน มี.ค.
JPตัวเลขผลผลิตภาคอุตฯ, อัตราการใช้กำลังการผลิต และอัตราการว่างงานของญี่ปุ่น มี.ค.
CHตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรม (HSBC Manuf.) ของจีนในเดือน เม.ย.
EU-GEตัวเลขอัตราการว่างงานของสหภาพยุโรปในเดือน มี.ค. (ของเยอรมันเดือน เม.ย.)
ITตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของอิตาลีในเดือน เม.ย. (เบื้องต้น)
SPตัวเลข GDP ของสเปนในไตรมาส 1/56
USดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีชี้ภาวะธุรกิจเขตชิคาโกของสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย.
ข่าวเด่น