นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
โดยทางกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรมมีความกังวลว่า ค่าเงินบาทมีผลกระทบต่อการส่งออกและการรับออเดอร์สินค้าที่ลดลงด้วย โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้หารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และได้ใช้ อำนาจในฐานะผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้ทำจดหมายให้ทางผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย กับประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ จดหมายฉบับแรกที่ส่งไปยังประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ได้สอบถามถึงเรื่องค่าเงินบาทที่เกิดการแข็งค่าขึ้นว่า คณะกรรมการธปท.มีความเห็นอย่างไร โดยเรื่องนี้ได้รับคำตอบว่า ในเรื่องนโยบายการเงิน หรือ กนง. เป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย.เป็นประธาน ซึ่งทางคณะกรรมการธปท.ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องนี้ได้
พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหลายคนได้แสดงความห่วงใยว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ทางกรรมการธปท.ไม่มีอำนาจก้าวก่าย ดังนั้น ทางรมว.คลัง จึงได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าธปท.เพื่อขอให้ชี้แจงเรื่องนี้ ซึ่งจากการหารือ เมื่อวันที่26 เมษายนที่ผ่านมา เห็นตรงกันว่าค่าเงินบาทเริ่มผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยทางรมว.คลังได้มีจดหมายถึงธปท.ว่า 1.จะมีมาตรการแก้ไขอย่างไร 2.มีผลกระทบต่อการขาดทุนของธปท.ในการไปดูดซับสภาพคล่องอย่างไร และ 3.ในเรื่องของเงินไหลเข้ามา หากลดดอกเบี้ยจะมีผลกระทบอย่างไร นายอารีพงศ์ กล่าว และว่า
ในวันนี้ทางรมว.คลังได้รับจดหมายที่แจ้งจากธปท.ตอบกลับมา และรมว.คลังได้รายงานให้ครม.ทราบว่าจดหมายได้ตอบมาว่าอย่างไร ซึ่งทางธปท.ได้ชี้แจงมาว่าโดยสถานการณ์ทั่วไปเงินที่ไหลเข้ามาเป็นเงินที่ไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตรไม่ได้เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์และเป็นการลงทุนโดยตรง เงินทุนส่วนใหญ่ที่มีการผันแปรใน4เดือนแรกอย่างรวดเร็วคือ ในตลาดพันธบัตรเป็นหลัก เพราะฉะนั้นประเด็นคือถ้าลดดอกเบี้ยคนที่มาลงทุนก็เพื่อต้องการได้รับผลตอบแทนในพันธบัตร
ส่วนแนวคิดที่จะลดดอกเบี้ยทางธปท.คิดอย่างไร นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ทางธปท.ไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะลดลงจำนวนเท่าไร พูดเพียงว่าจากสถานการณ์ที่เป็นจริงคืออัตราดอกเบี้ยที่ต่างชาติมาลงทุนเพราะมั่นใจว่าเศรษฐกิจของไทยมีสถานะทางเศรษฐกิจที่ดี มีความมั่นคงและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น ประกอบกับประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซียหรือเกาหลีมีปัญหาเรื่องสถานการณ์การเมือง ทำให้ประเทศไทยมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงจึงสนใจมาลงทุน
อย่างไรก็ตาม ทางธปท.มีความเป็นห่วงว่าจะมีปัญหาต่ออัตราสินเชื่อ ที่จะเติบโตขึ้นซึ่งจะทำให้อสังหาริมทรัพย์ปรับราคาสูงขึ้นมากได้ เพราะทุกวันนี้ธนาคารพานิชย์มีระบบควบคุมสินเชื่อได้แค่ประมาณ40เปอร์เซ็นต์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ได้รับข้อมูลจากธปท.และในการประชุมคณะกรรมการการเงิน หรือ กนง.วันนี้ ทางธปท.และคณะกรรมการกนง.จะรับประเด็นจากรัฐบาลที่มีความเป็นห่วงเรื่องมาตรการแก้ไขเรื่องนี้ไปหารือกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในการประชุมครม.นายกฯได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท โดยได้กำชับให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงการคลัง กระทรวงพานิชย์และธปท. ช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการส่งออกหากช่วยเหลืออะไรได้ก็ให้รีบทำทันที
นอกจากนี้ นายอารีพงศ์ กล่าวยอมรับว่า ผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท ส่งผลต่อยอดการส่งออกที่มีการประมาณการไว้ว่าจะโต 9 % แต่ขณะนี้ผลการส่งออกตอนนี้ยังต่ำกว่า9% แต่ยังโต แต่โตอยู่ที่ 4 % กว่า แต่ก็ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ แต่ทางรมว.พานิชย์ได้รายงานมาว่าได้พบปะกับผู้ส่งออก และจากการที่อัตราค่าเงินที่ไม่นิ่งทำให้การออเดอร์การส่งออกลดลงมากและออเดอร์การค้าขายทำได้ยากลำบากมากขึ้น
ข่าวเด่น