Gold
ราคาทองคำปรับตัวลงเมื่อคืนวันศุกร์ (17 พ.ค.)เป็นการทำสถิติร่วงลงติดต่อกัน 7 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนลดกำราถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง และโยกเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นกันมากขึ้น
ด้ำนกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน EFT ด้ำนทองคำรายใหญ่ของโลก ได้เทขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในรอบสัปดาห์ 13-17 พ.ค. นั้น มีรายงานออกมาว่ามีการลดการถือครองทองคามากว่า 10ตัน
ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกดดันทองรำคำทองคำ เป็นผลมาจากรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกน รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือน พ.ค.อยู่ที่ 83.7 จุด เพิ่มขึ้นจาก 76.4 จุดในเดือนก่อน ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี ซึ่งแสดงว่าผู้บริโภคสหรัฐลดความกังวลเกี่ยวกับมาตรการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางแล้ว และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในอนาคตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า FED มีโอกาสจะลดปริมาณการทำ QE เร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดไว้เดิม (กลางปี2015) และเป็นปัจจัยที่กดดันรำคำทองคำอย่างต่อเนื่อง
ทาง Ausiris ยังคงมองแนวโน้มระยะกลางของรำคำทองคำยังเป็นขำลง ทั้งนี้รำคำที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้าจากจุดต่ำสุดที่ 1321 นั้น เกิดจากแรงซื้อจาก Physical Demand จากทางฝั่งเอเซีย ส่วนภาพรวมระยะสั้นๆนั้นเรามองว่าจากปัจจัยที่กล่าวมา ยังส่งผลให้รำคำทองคำยังสามารถปรับตัวลงได้อีก โดยมีแนวรับที่สำคัญของวันนี้ประมาณ 1321 ซึ่งหำกรำคำหลุดแนวรับดังกล่าว อาจส่งผลให้รำคำสามารถปรับตัวลงได้อีก
อย่างไรก็ตาม รำคำทองคำที่ปรับตัวลงมานี้ยังสามารถยืนได้เหนือแนวรับทางเทคนิคที่ Fibo 78.6% อาจส่งผลให้รำคำปรับตัวรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้างโดยมีแนวต้านที่สำคัญทำงาเทคนิคสำหรับทดสอบการรีบาวด์ในระยะสั้นๆที่ 1388
กลยุทธ์ในวันนี้และในช่วงสั้นๆ หากราคารีบาวด์ขึ้นและไม่สามารถยืนเหนือ 1388 ได้ นลท.สามารถลงทุนฝั่งขายได้ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่1369/1388 และเมื่อราคำปรับตัวลงมา ก็สามารถทำกำไรได้ตามแนวรับ
Trading ($/oz)
กรอบ 1303 - 1379
แนวต้าน1360 1369 1379
แนวรับ1331 1321 1303
SET 50
ดัชนีSET50 Index กลับมาเคลื่อนไหวและเปิดบวกได้อีกครั้งเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ค.) เช่นเดียวกับดัชนี SET Index ที่ปิดที่ 1,627.96 จุด เพิ่มขึ้น 10.07 จุด หรือ +0.62% ด้วยมูลค่ำซื้อขาย55,303 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศที่ปรับตัวบวกเพิ่มขึ้น โดยมีนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิอยู่ฝั่งเดียวที่ 942.14 ลบ. โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ (17 พ.ค.) ตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากที่มีรายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จากConference Board เพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาดการณ์ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ยังพุ่งขึ้นแตะ 83.7 จำกระดับ 76.4 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี
ด้านสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ำขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเงินดอลลาร์แข็งค่ำ 0.96% เทียบเงินเยน ที่ระดับ 103.22 เยน จำกระดับของวันพฤหัสบดีที่ 102.24 เยน ในขณะที่เงินยูโรอ่อนตัวลง 0.39% เทียบดอลลาร์ แตะที่ 1.2831 ดอลลาร์ จาก 1.2881 ดอลลาร์
ทาง Ausiris มองดัชนีSET50 Index ในวันนี้ว่ายังคงเป็นแนวโน้มขำขึ้น เนื่องจากดัชนียังสามารถยืนได้ที่แนวรับสำคัญที่1060/1065 ได้ แม้ปริมาณการซื้อขายยังไม่ได้คึกคักเท่าที่ควร จึงยังไม่ทำให้ ดัชนีSET50 Index ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แต่เราคาดว่าดัชนีSET50 Index จะปรับตัวขึ้นไปอีกหลังจากนี้
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีSET50 Index ในวันนี้นั้น เรายังมองว่าตลาดมีโอกาสเปิด Gap (รำคำกระโดด) ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ นักลงทุนสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ตัดกำไรฝั่งซื้อออกก่อนได้ และเมื่อรำคำย่อแล้วค่อยกลับมารับอีกรอบ โดยมีหมายเป้าตามแนวต้าน และมีจุดตัดขาดทุนที่ 1065
Trading SET50 Index (pt.)
กรอบ 1065 – 1089
แนวต้าน1083 1085 1089
แนวรับ1075 1072 1065
ข่าวเด่น