เวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับลดลง 1.88 เหรียญฯ ปิดที่ 94.28 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ก.ค. ปรับลดลง 1.31 เหรียญฯ ปิดที่ 102.60 เหรียญฯ
 
- ราคาน้ำมันดิบร่วงลงภายหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังประจำสัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 3 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนน้ำมันดิบคงคลังปรับลดลง 0.33 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าคาดที่ 0.8 ล้านบาร์เรล  และน้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่ง โอคลาโฮมา  (จุดส่งมอบน้ำมันดิบ WTI) ปรับเพิ่มขึ้น 0.45 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 50.17 ล้านบาร์เรล
 
+ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน เพื่อเป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และบรรเทาผลกระทบของอัตราว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและมาตรการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล
 
- อย่างไรก็ตาม ตลาดเกิดความกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกดังกล่าวอาจมีการชะลอตัวลงหรือสิ้นสุดเร็วกว่าคาด ภายหลังคณะกรรมาธิการบางคนในที่ประชุมได้เสนอให้เฟดปรับลดปริมาณเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรลง หากพบว่าสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัว ทั้งนี้จะมีการร่วมหารือในประเด็นดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 18-19 มิ.ย. 56 นี้
 
+ ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. 56 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% แตะระดับ 4.97  ล้านยูนิต ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 52
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียใต้ ประกอบกับมีการคาดว่าอินเดียจะมีการนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มมากขึ้นในครึ่งแรกของเดือน มิ.ย. เพื่อรองรับการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นอย่างกระทันหัน
 
ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากโอกาสเคลื่อนย้ายน้ำมันดีเซลจากฝั่งเอเชียไปยุโรปมีลดลง อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตลาดโดยรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีจากแรงหนุนของอุปสงค์จากตะวันออกกลางและแอฟริกา รวมถึงอุปทานที่ยังคงตึงตัวในสิงคโปร์และการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียอย่างกระทันหัน
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ คาดว่าเบรนท์จะอยู่ที่กรอบ 100 - 108 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนเวสต์เท็กซัสที่ 90 -98 เหรียญ คืนนี้ติดตามดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยุโรป และจีน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน และยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานของสหรัฐฯ
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันพฤหัส: ดัชนีภาคการผลิตและบริการยูโรโซน เยอรมนีและฝรั่งเศส จีดีพีไตรมาส 1ของอังกฤษ (revised) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีราคาบ้าน ดัชนีภาคการผลิตและยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตจีนโดย HSBC
วันศุกร์: ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ จีดีพีไตรมาส 1 ของเยอรมนี (Final) ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ (GfK) และดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ (Ifo) ของเยอรมนี
 
  - จับตาสถานการณ์ความไม่สงบในซีเรียที่ยังมีการปะทะกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต่อต้านอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีความพยายามจากมหาอำนาจหลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษและรัสเซีย เป็นต้น ในการกดดันให้ประธานาธิบดีซีเรียลงจากตำแหน่ง
 
- ติดตามความรุนแรงรายวันในอิรัก ทั้งในเมืองหลวงแบกแดดและเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ดทางตอนเหนือที่มีปัญหาข้อพิพาทในการแบ่งผลประโยชน์ด้านน้ำมันกับรัฐบาลอิรักส่งผลให้ท่อส่งน้ำมันดิบได้รับผลกระทบจนต้องหยุดดำเนินการ