ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 พฤษภาคม 2556) ดาวโจนส์ร่วงลง 106.59 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 15,302.80 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 11.70 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 1,648.36 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 21.37 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 3,467.52 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กวานนี้เป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว โดยดัชนีราคาบ้านในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 10.9% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2549 หรือในรอบ 7 ปี ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด พุ่งสู่ระดับ 76.2 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2551
ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสว่า การลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) นั้น อาจจะมีขึ้นในการประชุมในอีกไม่กี่ครั้งข้างหน้า ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจด้านต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและข้อมูลด้านการจ้างงานของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2556 ลงสู่ระดับ 3.1% จากระดับ 3.4% และยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 ลงสู่ระดับ 4% จากระดับ 4.2%
ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ ลงสู่ระดับ 7.75% จากระดับ 8% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก
ข่าวเด่น