เวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ก.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 1.27 เหรียญฯ ปิดที่ 96.03 เหรียญฯ และเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.95 เหรียญฯ ปิดที่ 104.56 เหรียญฯ
 
+ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง จาก 149,000 ในเดือน เม.ย. และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 167,000 ตำแหน่ง โดยตัวเลขที่สูงขึ้นนี้ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันคึกคัก ส่งผลถึงราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสที่พุ่งขึ้นกว่า 1 เหรียญฯ
 
+ นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวดี แม้ว่าอัตราการว่างงานเดือน พ.ค. จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.6% จาก 7.5% ในเดือน เม.ย. แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเพราะชาวอเมริกันเริ่มกลับมาหางานกันมากขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้จำนวนตำแหน่งงานใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลเชิงบวกให้กับนักลงทุน
 
+/- อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า (18-19 มิ.ย.) ถึงแนวโน้มการยุติการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 85 พันล้านเหรียญฯ ต่อเดือน (QE4) ก่อนกำหนด ซึ่งผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า 40% ของนักเศรษฐศาสตร์ คาดว่าเฟดจะเริ่มลดจำนวนเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และจะยุติการเข้าซื้อในช่วงกลางปีหน้า
 
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากข่าวการหยุดการผลิตเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Buzzrd ในทะเลเหนือ ซึ่งมีกำลังผลิต 200,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งในขณะนี้กำหนดการกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งยังคงไม่ชัดเจน
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ทั้งนี้เนื่องจากตลาดยังคงมีแนวโน้มที่จะตึงตัว หลังอุปทานจากอินเดียลดลงไปมาก นอกจากนี้ การส่งออกของจีนคาดว่าจะลดลงด้วยในช่วงที่โรงกลั่นใหญ่ในจีนจะเริ่มการปิดซ่อมบำรุงในช่วงกลางเดือน มิ.ย.
 
ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่ากับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากขาดโอกาสในการส่งน้ำมันดีเซลจากเอเชียไปขายยังยุโรป ประกอบกับผู้ค้าในตลาดมองว่าความต้องการใช้ในภูมิภาคที่สูงขึ้นจะทำให้มีการส่งออกน้ำมันมายังเอเชียเพิ่มมากขึ้น
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ ไทยออยล์คาดเบรนท์ยังคงอยู่ในกรอบเดิมที่ 98 - 106 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล
ขณะที่เวสต์เท็กซัสอยู่ในกรอบ 90 -98 เหรียญฯ โดยในวันนี้ติดตามการประกาศตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมฝรั่งเศส
และอิตาลี รวมถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซน
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันจันทร์: ความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซน การผลิตภาคอุตสาหกรรมฝรั่งเศสและอิตาลี
วันอังคาร: การผลิตภาคอุตสาหกรรมอังกฤษ ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจของธุรกิจขนาดเล็กสหรัฐฯ
วันพุธ: ดุลบัญชีงบประมาณสหรัฐฯ อัตราการว่างงานอังกฤษ และการผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน
วันพฤหัส: รายงานเศรษฐกิจประจำเดือนจากธนาคารกลางยุโรป ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ยอดขายปลีกสหรัฐฯ
วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ (ม.มิชิแกน) ดุลบัญชีเดินสะพัด และการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
 
  - รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน มิ.ย. โดยสำนักสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) และโอเปก ในวันที่ 11 มิ.ย. รวมถึง รานงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันที่ 12 มิ.ย. นี้
 
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีของอิหร่านในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่มีผู้สมัครชิงตำแหน่ง ทั้งหมด  8 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ภักดีต่อผู้นำสูงสุด ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะไม่มีผลต่อการดำเนินโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในปัจจุบัน
 
- จับตาความรุนแรงในซีเรียที่ยังคงยืดเยื้อ หลังล่าสุดทางการฝรั่งเศสเปิดเผยหลักฐานส่วนใหญ่ที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลมีการใช้อาวุธเคมีในการต่อสู้กับกลุ่มกบฎในสงครามกลางเมือง
 
- ติดตามการให้สิทธิพิเศษของเกาหลีใต้ต่อผู้น้ำเข้าน้ำมันดิบจากภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากตะวันออกกลาง เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางและเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนมาตรคว่ำบาตรที่มีต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
 
- การซ่อมบำรุงของแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในแถบทะเลเหนือที่จะเริ่มขึ้นในเดือน มิ.ย. โดยใช้เวลา 20 วัน ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบบางส่วนหายไป
 
- รายงานเศรษฐกิจประจำเดือนของธนาคารกลางยุโรปต่อมุมมองในการดำเนินนโยบายต่างๆ หลังตัวเลขเศรษฐกิจโดยเฉพาะในตลาดแรงงานและภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัว