เวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ก.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 0.81 เหรียญฯ ปิดที่ 96.69 เหรียญฯ และเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 0.76 เหรียญฯ ปิดที่ 104.25 เหรียญฯ
 
+ ยอดขายปลีกสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เนื่องจากภาคครัวเรือนเพิ่มการใช้จ่ายในการซื้อยานยนต์ถึง 1.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2555
 
+ ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 334,000 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. และยังใกล้เคียงกับจำนวนที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ
 
+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าการปิดซ่อมบำรุงแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในแถบทะเลเหนือ ช่วงพ.ค. ถึง ก.ย. มีผลทำให้อุปทานลดลงถึง 330,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับที่มากกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2548 - 2555 ที่ 260,000 บาร์เรลต่อวัน
 
+ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างซูดานและซูดานใต้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังมีรายงานว่ากบฏในซูดานใต้โจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบของซูดานที่ส่งน้ำมันจากแหล่งผลิตDiffra ในวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการระเบิดและเพลิงไหม้เป็นเวลาหลายชั่วโมง
 
- ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกลงสู่ระดับ 2.2% ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค.ว่าจะขยายตัว 2.4% เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงจีนและบราซิล ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และภาวะถดถอยของเศรษฐกิจยุโรป
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ดีอุปทานยังคงตึงตัวจากการที่โรงกลั่นในภูมิภาคยังคงปิดซ่อมบำรุง อีกทั้งยังคาดว่าความต้องการมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นก่อนเข้าสู่วันหยุดรอมฎอน
 
ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานยังคงตึงตัว จากการที่จีนส่งออกน้อยลง เนื่องจากเป็นช่วงของการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในประเทศ นอกจากนี้ความต้องการภายในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์หน้าไทยออยล์คาดเบรนท์ยังคงอยู่ในกรอบเดิมที่ 98 - 106 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่เวสต์เท็กซัสอยู่ในกรอบ 90 -98 เหรียญ โดยในสัปดาห์หน้าติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ และสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างซูดานและซูดานใต้ ส่วนในวันนี้ติดตามการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ(ม.มิชิแกน) ดุลบัญชีเดินสะพัด และการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้าได้แก่
วันจันทร์: ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค ดัชนีตลาดบ้านของสหรัฐฯ
วันอังคาร: ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนจากสถาบัน ZEW ยอดขายบ้านใหม่ และดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ การประชุมกลุ่มประเทศสมาชิก จี8 และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (วันที่ 1)
วันพุธ: ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตจีนจากทาง HSBC (Flash) และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (วันที่ 2)
วันพฤหัส: ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย  ยอดขายบ้านมือสอง ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานของสหรัฐฯ 
วันศุกร์: -
 
  - การรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่าน ทั้งนี้หากประธานาธิบดีใหม่ไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการเลือกตั้งจะทำการจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในวันที่ 21 มิ.ย.
 
- ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 18-19 มิ.ย.ทั้งนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ หรือ QE จะเป็นหัวข้อที่ตลาดและนักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะชะลอนโยบายหรือไม่
 
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่ง Buzzard ในแหล่งทะเลเหนือคาดว่าจะลดลง หลังมีหยุดการผลิตกะทันหันถึง 2 ครั้งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติโดยรวมคาดว่าจะลดลงเนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตในทะเลเหนือเป็นเวลา 20 วันในเดือน มิ.ย.
 
- สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างซูดานและซูดานใต้ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังซูดานออกมาประกาศว่าจะหยุดการขนส่งน้ำมันของซูดานใต้ผ่านพรมแดนของซูดานภายใน 60 วัน
 
- ความรุนแรงในตะวันออกกลางโดยเฉพาะในซีเรียที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง แม้สหรัฐฯ และรัสเซียจะพยายามจัดเวทีหารือขึ้นเพื่อหาข้อยุติในเดือนนี้