ตลาดหุ้นสำคัญๆทั่วโลก อาทิ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก และตลาดหุ้นยุโรป ปิดตลาดเมื่อคืนนี้วันที่ 24 มิ.ย.ดัชนีดิ่งลงกันถ้วนหน้า จากความวิตกกังวลเรื่องสภาพคล่องของประเทศจีน

โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์  ร่วงลง 139.84 จุด หรือ -0.94% ที่ 14,659.56 จุด และดัชนี NASDAQ ลดลง 36.49 จุด หรือ -1.09% ปิดที่ 3,320.76 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ลดลง 19.34 จุด หรือ -0.21%  ปิดที่ 1,573.09 จุด

ขณะที่ ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.7% ปิดที่ 275.66 จุด และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ลดลง 62.41 จุด หรือ -1.71% ปิดที่ 3,595.63 จุด,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ลดลง 96.79 จุด หรือ -1.24% ปิดที่ 7,692.45 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ลดลง 87.07 จุด หรือ -1.42% ปิดที่ 6,029.10 จุด

โดยสาเหตุที่่ตลาดหุ้นสำคัญๆ ทั่วโลบปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการควบคุมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขยายวงเงินกู้ ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะยังไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อผ่อนคลายภาวะการเงินตึงตัว แม้ธนาคารกลางจีนระบุเมื่อวานนี้ว่า ปริมาณสภาพคล่องในระบบการเงินของจีนอยู่ในระดับที่เหมาะสมก็ตาม
 
ด้านนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า การควบคุมสภาพคล่องถือเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเชิงโครงการเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนลงมาอยู่ที่ระดับ 7.4% ในปี 2556 จากระดับ 7.8%
 
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้านั้นบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะชะลอโครงการซื้อพันธบัตร หรือชะลอกการทำ QE ภายในปีนี้ และหากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ เฟดก็จะยังคงลดขนาดวงเงินซื้อพันธบัตรไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และจะสิ้นสุดโครงการซื้อพันธบัตรประมาณกลางปีหน้า