วันนี้ (2ก.ค.) ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารรัฐสภา 2 ส.ส.พรรคประชาธิปัติย์ (ปชป.) จำนวน 20 คน นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. ยื่น 132 รายชื่อต่อนายนิคม ไวยารัชพานิช ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ 2 กรณีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ส่อทุจริตและทำผิกกฏหมาย
        

นายนายนิคม กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 และมาตรา 271 ระบุว่า การยื่นถอดถอนจะต้องระบุพฤติการณ์ข้อกล่าวหาที่ชัดแจ้ง โดยจะต้องเป็นบุคคลที่ดำรงในตำแหน่ง ซึ่งผู้ยื่นอาศัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบและวิธีการถอดถอนตั้งแต่ปี 2551 จากนี้ก็จะแจ้งให้สมาชิกวุฒิสภาได้รับทราบ และรีบตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อว่า ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดคือ 1 ใน 4 หรือจำนวน 125 คน ก่อนจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 15 วัน
         
นายจุรินทร์ กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือถอดถอน ครม.ยิ่งลักษณ์ 2 ว่า รัฐมนตรีทุกคนที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ต้องมีส่วนรับผิดชอบ แม้จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็จะมีผล ถ้ามีคำสั่งให้ถอดถอน ก็จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และในส่วนของคดีอาญาหาก ป.ป.ช.ชี้มูลก็ต้องส่งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลอาญา แผนกฎีกาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่เช่นนั้น เมื่อทำผิดก็จะปรับ ครม.หนี ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น แม้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ก็ต้องรับผิดชอบ เว้นเสียแต่ว่าจะเสียชีวิตแล้ว
         
เมื่อถามว่า การยื่นถอดถอนครั้งนี้ จะเชื่อมโยงไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องการอภิปรายไม่ขอตอบล่วงหน้า เพราะเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ต้องพิจารณาในอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่ว่าขั้นตอนนี้อย่างน้อยที่สุดถือว่า ส่อทุจริตและกระทำการผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่จะต้องทำการตรวจสอบและสามารถยื่นถอดถอนได้ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ถูกร้องที่ 1 ในฐานะหัวหน้า ครม. แต่หากนายกรัฐมนตรีจะอ้างว่าเป็นหน้าที่ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการ ก็สามารถอ้างได้ แต่ตนคิดว่าฟังไม่ขึ้น เพราะว่าทั้งหมดผ่านการประชุม ครม.มาถึง 2-3 ครั้งและนายกฯ ก็นั่งหัวโต๊ะ
         
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่ศาลปกครองมีคำสั่งมาแล้วและกระทรวงการคลังก็มีการไปทำสัญญากู้เงินตรงนี้ ก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่จะต้องเป็นประเด็นเพิ่มเติมเวลาที่มีการไต่สวน ในส่วนของพรรคก็จะเข้าไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะการที่จะนามในสัญญากู้เงินได้จะต้องมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยเสียก่อน รวมทั้งต้องรับฟังเสียงของประชาชนก่อน การที่กระทรวงการคลังจะไปลงชื่อในสัญญากู้เงิน จะต้องได้รับการเห็นชอบจากสำนักงบประมาณ ซึ่งสำนักงบประมาณจะเห็นชอบได้ เมื่อเห็นผลการศึกษาทั้ง 2 ส่วน เมื่อสำนักงบประมาณไม่ได้ให้ความเห็นชอบ หรือให้ความเห็นชอบมาผิด หากเกิดขึ้นจริงในรายละเอียดที่ต้องตามกันต่อไปกระทรวงการคลังจะลงนามในสัญญาได้อย่างไร ซึ่งฝ่ายค้านจะได้ติดตามเรื่องนี้ต่อไป
        
 เมื่อถามว่า จะเอาผิดถึงข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. หากไต่สวนไปถึงใคร ก็ต้องไปถึงนั่นใคร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ได้จำกัดว่าเป็นเพียงนักการเมือง
         
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างว่าความผิดยังไม่สำเร็จ เพราะยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณและยังไม่มีผลผูกพัน นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของภาระดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะยังไม่เกิดขึ้นเพราะยังไม่ได้มีการเบิกเงิน แต่เมื่อมีการลงนามเซ็นสัญญากู้เงินแล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบเกิดขึ้น ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำ ถือว่าขณะนี้รัฐบาลโดนทั้ง 2 ด้านแล้ว สำหรับกรณีนี้จะมีคนติดคุกหรือไม่ตนตอบไม่ได้ แต่พวกตนถือว่า ได้ทำหน้าที่ ซึ่งข้าราชการก็ต้องระวังกรณีที่คิดจะทำตามคำสั่งที่มิชอบ เพราะไม่ได้ผิดแต่ตัวนักการเมือง เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามก็ผิดด้วย
        
 เมื่อถามว่า ศาลปกครองได้มีคำสั่งว่าการดำเนินตามโครงการนี้ ต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ก่อน แต่กระทรวงการคลังได้ลงนามเซ็นสัญญากู้เงินแล้ว นายจุรินทร์ ตอบว่า เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง และเป็นประเด็นเพิ่มเติมที่จะต้องไต่สวน โดยทางพรรคจะเข้าไปให้ข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่แน่ใจว่าสำนักงบประมาณจะให้ความเห็นชอบ หรือเสนอแนะหลักเกณฑ์อย่างไร จึงต้องติดตามต่อไปและจะเป็นปัญหาตามมาในอนาคต โดยตนก็อยากให้รัฐบาลชี้แจงในรายละเอียดการกู้เงินจาก 4 ธนาคาร
        
 เมื่อถามอีกว่า คำร้องถอดถอนนี้เชื่อมโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปพบผู้บริหารบริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น (เค วอเตอร์) ด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ตอบตรงๆ แต่หลายกรณีเราจะพบเห็วนว่ามีบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ตนไม่ขอระบุชื่อ มักไปปรากฎเป็นข่าวอยู่เบื้องหลัง หรือเป็นข่าวก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเสมอ จึงเป็นที่มาว่านายกรัฐมนตรีไม่เป็นตัวของตัวเองและบริหารราชการแผ่นดินในลักษณะหุ่นเชิด