ตลาดหุ้นสำคัญของโลก ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) ดัชนีร่วงลง โดยตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลง 42.55 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 14,932.41 จุด ดัชนี S&P 500 ลบ 0.88 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,614.08 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.09 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 3,433.40 จุด ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 287.13จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสติดลบ 24.91 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 3,742.57 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีอ่อนแรงลง 73.15 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 7,910.77 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลดลง 3.84 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 6,303.94 จุด โดยตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากรายงานภาคก่อสร้างของอังกฤษที่ขยายตัวน้อยกว่าคาด ที่ดัชนีกิจกรรมภาคก่อสร้างเพิ่มขึ้นแตะ 51 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้เล็กน้อย เมื่อเทียบกับระดับ 50.8 ในเดือนพ.ค.ขณะที่แรงซื้อในตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลง เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในปีนี้และความวุ่นวายทางการเมืองในอียิปต์ ทั้งนี้ ในช่วงแรกตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐออกมาสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนพ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2% สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น ส่วนคำสั่งซื้อภาคโรงานในเดือนเม.ย.ดีดตัวขึ้น 1% หลังจากร่วงลง 4.7% ในเดือนมี.ค. แต่ในช่วงบ่ายตลาดหุ้นนิวยอร์กพลิกกลับมาติดลบ หลังมีรายงานว่ากองทัพของอียิปต์ได้ร่างแผนที่จะยกเลิกรัฐธรรมนูญของประเทศ ขณะที่แนวโน้มการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นั้น นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ไม่ได้ระบุแนวคิดใหม่ๆในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่านโนบายของเฟด ซึ่งรวมถึงการซื้อสินทรัพย์นั้น จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจมากกว่ากำหนดเวลา
ข่าวเด่น