ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 1.98 เหรียญฯ ปิดที่ 103.22 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.18 เหรียญฯ ปิดที่ 107.72 เหรียญฯ + ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนมิ.ย.ที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 195,000 อัตรา เทียบกับคาดการณ์ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 161,000 อัตรา และอัตราการว่างงานอยู่ที่ 7.6% ซึ่งการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้นดังกล่าวทำให้คาดการณ์ว่าจะส่งผลดีต่อต้องการ ใช้น้ำมันในสหรัฐฯ + สถานการณ์ความตึงเครียดในอียิปต์ยังคงต่อเนื่องแม้ว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญจะสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวเป็นที่เรียบร้อย แต่ยังเกิดการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างกองทัพกับกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีมอร์ซี่ ซึ่งปัจจุบันสหรัฐฯยังไม่ยอมรับประธานาธิบดีชั่วคราวคนใหม่เนื่องจากมองว่ามาจากการรัฐประหารซึ่งจะส่งผลให้กองทัพอียิปต์ถูกตัดงบช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯจำนวนกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ + นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้รับแรงหนุนจากการที่ปริมาณผลิตน้ำมันดิบและส่งออกจากทะเลเหนือจะปรับลดลง 11% ในเดือนส.ค. มาอยู่ที่ 754,839 บาร์เรลต่อวัน จาก 851,613 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ค. โดยสาเหตุหลักเนื่องจากหลุมน้ำมันหยุดซ่อมบำรุง + เหตุคนงานประท้วงล่าสุดเนื่องจากไม่ได้รับเงินเดือนในลิเบียส่งผลให้ท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ที่สุดของลิเบีย (Es Sider) ไม่สามารถดำเนินการได้เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจำนวนกว่า 350,000 บาร์เรลต่อวันต้องหยุดชะงัก - อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะเริ่มชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ในระยะอันใกล้นี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวแข็งค่าขึ้นและกดดันทำให้ราคาน้ำมันดิบไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคจะปรับลดลงโดยเฉพาะจากอินโดนีเซียหลังผ่านช่วงรอมฎอน รวมทั้งผู้ค้าน้ำมันบางรายขนน้ำมันเบนซินจากยุโรปเข้ามาจำหน่ายที่ตลาดสิงคโปร์ส่งผลให้อุปทานภายในภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในสิงคโปร์ที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือน รวมทั้งความต้องการใช้ที่มีอย่างต่อเนื่องจากตะวันออกกลาง อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง สัปดาห์นี้ไทยออยล์คาดเบรนท์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 102 - 110 เหรียญฯ ในขณะที่เวสต์เท็กซัสอยู่ในกรอบ 98 - 106 เหรียญฯ ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในคืนนี้ได้แก่ : การประชุมกลุ่มยุโรป ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและดุลการค้าเยอรมัน ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์: การประชุมกลุ่มยุโรป ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและดุลการค้าเยอรมัน วันอังคาร: ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาผู้บริโภคจีน วันพุธ: ดุลการค้าจีน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมัน วันพฤหัส: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ดุลบัญชี ยอดนำเข้า และรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันศุกร์: การผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน และดัชนีผู้ผลิตสหรัฐฯ - จับตาการประชุมสหภาพยุโรปว่าจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินของกลุ่มประเทศอย่างไร ภายหลังนายกรัฐมนตรีต่างประเทศและการคลังโปรตุเกสประกาศลาออก ก่อให้เกิดความกังวลต่อปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปอีกครั้ง - สถานการณ์ความตึงเครียดในอียิปต์โดยเฉพาะท่าทีของสหรัฐฯ หลังกองทัพประกาศยึดอำนาจและขับไล่ประธานาธิบดีมอร์ซีพ้นอำนาจหลังการปะทะระหว่างกลุ่มขับไล่ปละกลุ่มสนับสนุนประธานาธิบดีส่อเค้าบานปลาย โดยล่าสุดกองทัพอียิปต์ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นประธานาธิบดีชั่วคราว - ปริมาณผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากลิเบียหลังเหตุการณ์ความรุนแรงในประเทศส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 1.60 ล้านบาร์เรลต่อวันที่สามารถผลิตได้ในช่วงก่อนหน้านี้ - รายงานน้ำมันประจำเดือนก.ค.ที่ประกาศโดย IEA, EIA และ OPEC ว่าจะมีการปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันของโลกลงอีกหรือไม่ หลังก่อหน้านี้ประกาศปรับลดอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น