ร.ตอ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ได้วิเคราะห์คลิปเสียงฉาวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ และแม้จะเป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จริงหรือไม่ก็ตาม แต่น่าเชื่อมีการตัดต่อเพื่อบิดเบือนสิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อสาร เพราะเนื้อหาบางตอนไม่ต่อเนื่องกัน บางตอนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เข้าใจว่าผู้ตัดต่อและเผยแพร่คลิป มุ่งหวังใส่ร้ายทางการเมืองอย่างที่ตนเองเคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าการบริหารประเทศหลังจากนี้ รัฐบาลจะเจอกับขวากหนาม

ร.ตอ.เฉลิม กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์แล้ว ประเด็นที่ 1. กรณีที่กล่าวหาว่าคลิปเสียงมีการสั่งให้มุบมิบดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านสภากลาโหม สภาความมั่นคง แล้วแปลงเป็นพระราชกำหนดเพื่อพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านโดยเร็วนั้น บอกได้เลยว่าข้อกล่าวหานี้เป็นไปไม่ได้ เพราะตามคลิปพูดถึงกฎหมายที่จะเอาเข้าสภากลาโหม สภาความมั่นคงโดยไม่ได้ระบุว่าเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเลย แต่ความความพยายามตัดต่อให้เข้าใจว่ากำลังพูดถึงกฎหมายดังกล่าว

“ผมขอย้ำว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหมายถึงกฎหมายนิรโทษ เพราะกฎหมายนิรโทษไม่ต้องเข้าสภากลาโหม ไม่เกี่ยวกับสภาความมั่นคง ทหารไม่มีหน้าที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม การออกกฎหมายเป็นอำนาจรัฐสภา ถ้าจะเอาจริงๆดันเข้าสภาแล้วผ่าน 3 วาระรวดก็ได้ ไม่ต้องเข้าสภากลาโหม คนคิดตัดต่อเทปต้องโง่มากๆ”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ตอ.เฉลิม กล่าวว่า หากเป็นคลิปเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้อำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานเพราะเป็นผู้มีประสบการณ์บริหารประเทศเป็นอย่างมาก เคยเป็นทั้งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และนายกรัฐมนตรีอีก 2 สมัย ส่วนการตราพระราชกำหนดก็จำกัดให้ทำได้เฉพาะกรณีที่กำหนดในรัฐธรรมนูญมาตรา 184 คือต้องเป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัยประเทศ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ และจะทำได้เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ 2. ที่มีการพูดวางแผนเสนอให้ “ป๋า” ตั้งเป็นที่ปรึกษาสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์หลังกลับเข้าประเทศ สร้างภาพเป็นคนของในวัง ประเด็นดังกล่าวยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้มีการแก้กฎหมายจัดตั้งเป็นนิติบุคคลในปี 2491 มีหน้าที่ดูแลรักษาและจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์เฉพาะในส่วนที่ไม่ได้เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวังแล้ว มีคณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเป็นประธานโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่า 4 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ในจำนวนนี้ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 1 คน

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า การแต่งตั้งเป็นเรื่องพระราชอำนาจ ไม่ว่ากระทรวงมหาดไทย ผบ.ทบ. หรือ ผบ.เหล่าทัพไหน แม้แต่นายกรัฐมนตรี ล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เลย แล้วจะไปวางแผนแต่งตั้งที่ปรึกษาฯได้อย่างไร

“ถ้าฟังคลิปเสียงดีๆ เป็นกรณีชายคนที่ 2 ยกเรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษาฯขึ้นมาเพื่อยกตัวอย่างวิธีการที่จะรับรองว่าจะไม่แอ็คทีฟทางการเมืองเพื่อแก้แค้นใครอีก”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากเหตุผลที่กล่าวมา 2 ประเด็นข้างต้น น่าเชื่อว่าคลิปเสียงนี้ต้องมีการตัดต่อเพื่อมุ่งหวังโจมตีทางการเมือง หวังทำลายรัฐบาล ต้อนรับการเข้าทำงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และต้องออกมาตอบแทนเพื่อความถูกต้อง ให้สังคมไทยหูตาสว่าง

“ผมยืนยันว่าเทปนี้ตัดต่อ จะว่าเรื่องข้าว เรื่องน้ำ จะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ว่ากันไป แต่ทำแบบนี้ขอพูดหยบๆว่าไอ้พวกโง่บัดซบ”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว