ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบ ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.29 เหรียญฯ ปิดที่ 107.23 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.27 เหรียญฯ ปิดที่ 108.42 เหรียญฯ + ราคาน้ำมันขึ้นต่อหลังผู้นำจีนยืนยันการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไปโดยเน้นการเติบโตจากภายใน ลดการพึ่งพาการลงทุนและส่งออก พร้อมกล่าวว่าจะพยายามหาทางปรับปรุงนโยบายต่างๆ ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผานมา นอกจากนี้ยังยืนยันว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะต้องไม่ร่วงลงไปอยู่ในระดับต่ำกว่า 7% + สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ณ วันที่ 19 ก.ค. 56 ปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 370.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินและดีเซลคงคลังยังปรับลดลง 0.89 และ 0.71 ล้านบาร์เรล สวนความคาดหมายว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.1 และ 1.9 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ + บริษัท Enbridge ปิดการขนส่งน้ำมันดิบทางท่อเส้น 81 ซึ่งมีกำลังการขนส่งที่ 210,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่ง Bakken บริเวณNorth Dakota มายังรัฐมิเนโซต้า ของสหรัฐฯ เพื่อซ่อมแซมรอยรั่วส่งผลให้อุปทานน้ำมันในบริเวณดังกล่าวตึงตัว + บริษัท BP จำเป็นต้องปิดแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Thunder Horse ซึ่งมีกำลังการผลิต 250,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ตั้งอยู่ในอ่าวเม็กซิโก หลังสาธารณูปโภคที่ใช้ร่วมกับการขุดเจาะแก๊สธรรมชาติของบริษัท Destin มีปัญหา อย่างไรก็ดี คาดว่าแท่นดังกล่าวจะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติในวันที่ 24 ก.ค. + ขณะที่ บริษัท BP ยังมีปัญหาเรื่องระบบการขนส่งน้ำมันดิบในบริเวณทะเลเหนือที่ท่า Kinneil เนื่องจากเป็นช่วงการปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าการขนส่งจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า + นอกจากนี้ การประท้วงเรื่องค่าแรงของคนงานบริษัทน้ำมันในลิเบีย ที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ส่งผลให้การส่งออกจากท่า Zueitina ที่ปกติส่งออกน้ำมันดิบราว 60,000-70,000 บาร์เรลต่อวัน ยังคงหยุดชะงักอยู่ + ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนเดือน ก.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ -17.4 ซึ่งถือว่าสูงสุดนับแต่เดือน ส.ค. 54 โดยปรับเพิ่มขึ้นจาก -18.8 ในเดือน มิ.ย. และสูงกว่าที่คาดไว้ที่ -18.3 ส่งผลให้ตลาดมีความหวังว่าเศรษฐกิจยุโรปจะหลุดจากภาวะถดถอยได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงตามราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่ถูกเทขายทำกำไร ทั้งยังปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังมีข่าวว่าโรงกลั่นหลายแห่งในอินเดีย มาเลเซีย และไต้หวันที่ปิดไปในช่วงก่อนหน้ากลับมาดำเนินการได้แล้ว ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากแรงซื้อหลักจากอินโดนีเซียและซาอุดิอาระเบียปรับลดลง ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบเดิม โดยเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 104 - 110 เหรียญฯ ขณะที่เวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 103-109 เหรียญฯ โดยราคายังคงได้รับแรงหนุนจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ส่วนในวันนี้ จับตาตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ จีน และยูโรโซน ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพฤหัส: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานของสหรัฐฯ วันศุกร์: ความรู้สึกผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัจจัยที่น่าจับตามอง -ความรุนแรงของเหตุการณ์ในอียิปต์ หลังประธานาธิบดีชั่วคราวเร่งจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและเตรียมที่จะจัดการเลือกตั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีมอร์ซียังไม่มีความรุนแรงใดๆ - ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ได้แก่ ซีเรีย ลิเบีย ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของภูมิภาค - แนวโน้มของการดำเนินแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE4) ที่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯเคยได้ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสของการชะลอ QE ภายในปีนี้ แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาล่วงหน้า - ติดตามตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าโรงกลั่นบางแห่งจะมีการปิดซ่อมบำรุง พร้อมจับตาตัวเลขปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวด้วย
ข่าวเด่น