เช้าวันนี้ (26 กรกฎาคม 2556) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค Oak Panthongtae Shinawatra อวยพรวันเกิดบิดาพร้อมคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ "เปิดใจ ทักษิณ 64 ปี" ซึ่งบันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงระยะเวลา 7 ปี ที่ต้องใช้ชีวิตในต่างประเทศรวมถึงวาระวันเกิดครบรอบ 64 ปี ซึ่งมีใจความสำคัญบางส่วน ดังนี้
"ผมจำได้ว่า ตอนมีปฏิวัติผมเพิ่งอายุ 57 ตอนอายุ 58 อยู่เมืองนอก พออายุ 59 มีโอกาสกลับไปเมืองไทยช่วงสั้นๆ วันนั้นมีลางสังหรณ์ใจว่า อายุ 60 ปี สงสัยต้องไปอยู่เมืองนอก ดูท่าทางตอนนั้นเขาเอาผมแน่ ผลสุดท้ายก็เป็นไปตามนั้น...
สิ่งสำคัญคือพี่น้องไม่ลืมผม เข้าใจว่าวันนี้คงจะมีพี่น้องไปทำบุญหวังให้ผมกลับมารับใช้พี่น้องเป็นจำนวนมาก ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี่ ครับ ที่ไม่ลืมและเอาบุญมาฝากผม เพื่อให้ผมมีโอกาสได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว
7 ปีแห่งความระหกระเหินก็มีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือได้เรียนรู้เยอะ ได้เห็นเยอะ เห็นแล้วก็อดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ สิ่งดีที่ได้เรียนรู้ก็จะค่อยๆ เขียนไป ก็ว่ากลับไปดูไบจะเขียนผ่านเฟสบุ๊ค ทั้งคนที่ชอบผมและไม่ชอบผม แต่ชอบเรียนรู้ก็เข้ามาได้
สิ่งที่แย่ของการมาอยู่เมืองนอกก็คือ คิดถึงครอบครัว เพราะเคยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เขาพยายามไม่มาพร้อมกัน เพราะกลัวว่ากลับไปแล้วพ่อจะแย่ ทุกคนมีงานการ และต้องอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย ก็เหงา คิดถึงบ้าน บางครั้งก็พยายามจะไม่เหงา บางครั้งมีภารกิจต้องทำเยอะ พี่น้องมาเยี่ยมบ้าง ซื้อของมาฝากบ้าง ก็ต้องขอขอบคุณในน้ำใจ และทำให้ผมหายเหงาได้บ้าง..
แต่กินอย่างเดียวไม่พอ ที่สำคัญคือไม่ได้นอนบนแผ่นดินไทยมานานแล้ว ก็คิดถึงแผ่นดินไทย แต่ต้องอดทน เพราะเหมือนกับเราต้องทำหน้าที่อะไรบางอย่าง ก็ต้องทำไป
พี่น้องครับ ผมห่วงใยประเทศไทย วันนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าจะแก้ได้ แต่ก็เพราะความที่ระแวงไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ถ้าเราหันหน้ามาคุยกัน สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น เราคุยกันแบบคนไทยด้วยกัน คุยให้ถึงแก่น เอาชาติเป็นตัวตั้ง ผมเชื่อว่าบ้านเมืองเราจะกลับมาสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง วันนี้เราต้องกลับไปคิดว่า ถ้าเราเอาชาติเป็นตัวตั้ง อะไรจะเป็นประโยชน์ที่สุด เราหันหน้าเข้าหากัน ตรงนั้นเป็นสิ่งที่เราอยากเห็น ผมไม่คิดว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องใหญ่เลย แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเราไม่พูดกัน
ผมหวังว่าวันเกิดผมปีนี้ ผมจะกลับบ้านปีไหนไม่เป็นไร แต่ความปรองดองกลับคืนสู่ประเทศไทยมื่อไหร่ ผมจะถือว่าเป็นความสุขที่สุดยอด เพราะว่าผมขอคิดเอาเรื่องชาติบ้านเมืองก่อน เรื่องของตัวเองไม่สำคัญ ผมก็เป็นคนซึ่งถือบ้านเมืองเป็นหลัก พี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะฉะนั้นผมพร้อมเสียสละ ถ้าขัดแย้งอย่างนี้ทำอะไรไม่ได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ มีแต่ความระแวง สุดทายก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจรวมของประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ความเคารพยำของประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะเสียหายเพราะเราไม่รักกัน
วันนี้เลยอยากจะบอกกับพี่น้องว่า ขอให้เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อความสุขของพวกเราทุกคนครับ ขอบคุณอีกครั้งในการรำลึกถึงวันเกิดผมและไม่ลืมผม ทั้งๆ ที่ผมจากมาหลายปีแล้ว ขอให้ทุกท่านมีความสุขมีความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนา และให้บ้านเมืองกลับสู่สันติสุขอีกครั้ง ขอบคุณครับ"
ข่าวเด่น