ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พีระ สิทธิอำนวย รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและสภามหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศผลรางวัลแม่ที่ได้รับรางวัล“แม่สู้ชีวิต”“แม่ 100 ปี”และ “แม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 1 ศูนย์การเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา โดยรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติในงาน “มหิดล - วันแม่”ประจำปี 2556 ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลจัดขึ้นเป็นปีที่ 28 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา
วิธีการคัดเลือกแม่ดีเด่นประเภทต่างๆ นั้น มหาวิทยาลัยมหิดล จะเริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้รับทราบและส่งข้อมูลรายละเอียดของแม่เข้ามายังมหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้น คณะกรรมการในแต่ละชุดจะดำเนินการพิจารณากลั่นกรองในขั้นตอนแรก เมื่อคัดเลือกได้แล้วจะมีทีมงานออกไปสำรวจสภาพความเป็นจริง สัมภาษณ์แม่ที่ผ่านรอบแรกเพื่อ หาข้อมูลเพิ่มเติม จากนั้นจึงจะนำข้อมูลมาพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งคณะกรรมการแต่ละชุดมีการทำงานอย่างรอบคอบ ดังนั้นแม่ที่ได้รับรางวัล จากงาน “มหิดล- วันแม่” จึงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของรางวัล สมควรแก่การเชิดชู เป็นตัวอย่างของผู้หญิง ที่มีบทบาทของความเป็นแม่อย่างดียิ่ง
ทั้งนี้รางวัลแม่สู้ชีวิต จัดขึ้นเพื่อตอบแทนพระคุณของแม่ที่ได้อุทิศชีวิตต่อสู้เพื่อลูกตลอดมา ลูกของแม่สู้ชีวิตไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการมีตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีการศึกษาสูง ลูกอาจเป็นเด็กพิการ แต่แสดงให้เห็นว่า ด้วยความรัก ด้วยจิตใจ และสองมือของแม่ได้โอบอุ้มให้ลูกสู้ชีวิตอยู่ได้ รางวัลมี 2 ประเภท คือ แม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกพิการ และ แม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกปรกติ ในปีนี้มีผู้เสนอชื่อจำนวน 116 รายทั่วประเทศ
มีผู้ได้รับคัดเลือก ดังนี้คือ
รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกปกติ
- รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกปกติ ภาคเหนือ ได้แก่ แม่ศิริญญา แสงอรุณ อายุ 52ปี จังหวัดลำพูน แม่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้แก่ลูกสาวทั้งสองคน เดิมประกอบอาชีพขายกล้วยฉาบทอด ขายหน่อไม้ และไก่ทอด ต่อมาขายผลไม้ ขายมานานถึง 16 ปี ต้องยกผลไม้วันละหลายสิบกิโลกรัม ด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้แม่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หลายครั้งที่เงิน ไม่พอใช้ แม่แอบไปยืมเงินทั้งในระบบ และนอกระบบ โดยไม่ให้ลูกรู้
แม่ต้องเผชิญกับคำดูหมิ่นของคนรอบข้าง แต่คำเหล่านั้นกลับทำให้แม่แข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้ ความภูมิใจที่สุดของแม่คือลูกสาวคนโตสอบได้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันนี้แม่ไม่เหนื่อยเหมือนเมื่อวานแล้ว มีแต่ความปิติยินดีที่ลูกทั้งสองเป็นเด็กดีของแม่ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ทุกวันพระแม่จะซื้อดอกไม้ไปจัดแจกันที่วัด ความดีงามของแม่ที่เกิดจากจิตใจอันบริสุทธิ์ได้ส่งผ่านถึงลูก และเติมเต็มให้ลูกมีอนาคตที่ดี เป็นคนดีของสังคม
- รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกปกติ ภาคอีสาน ได้แก่ แม่อยู่ลั้ง แซ่ลี้ อายุ 78 ปี จังหวัดนครราชสีมา แม่เปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัว ด้วยสามีเสียชีวิตตอนที่แม่คลอดลูกคนสุดท้องได้เพียงวันเดียว แม่จึงต้องเลี้ยงลูกทั้ง 7 คนเพียงลำพัง แม่อยู่ลั้ง แซ่ลี้ ไม่มีอาชีพที่มั่นคง ทรัพย์สินในบ้านถูกเจ้าหนี้ยึด แม่จึงตัดสินใจในตอนนั้นว่า แม่อ่อนแอไม่ได้แล้ว ต้องสู้เพื่อให้ลูก ๆ ทั้งเจ็ดคน มีข้าวกิน มีโอกาสเรียนหนังสือ จากที่เคยเป็นแม่บ้านก็ต้องเป็นหลักของครอบครัว ด้วยการทำขนมขาย ตระเวนไปรับซื้อปอยังต่างอำเภอและต่างจังหวัด
เมื่อหมดหน้าปอก็หาซื้อข้าวเปลือกมาขาย และเริ่มทำลานมันจากการหยิบยืมเงินทองจากญาติพี่น้อง ถึงฤดูหีบอ้อยก็ไปเร่ร่อนซื้ออ้อยเพื่อส่งโรงงาน และเมื่อมีเวลาว่าง ก็ทำขนมไข่ ข้าวต้มมัดให้ลูกๆ เร่ขาย นอกจากนี้ลูกทุกคนจะช่วยงานแม่ ทั้งตากข้าว กวาดลานมัน จากความบากบั่น ขยันอดทนมาโดยตลอดของแม่ ทำให้ลูกๆ ทุกคน มีชีวิตที่ดี วันนี้ลูกๆ ทุกคนเป็นความภูมิใจของแม่ เพราะแต่ละคนมีอาชีพการงานที่มั่นคงเป็นคนดีของสังคม
- รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกปกติ ภาคใต้ ได้แก่ แม่เสงี่ยม นิลวิสุทธิ์ อายุ 77 ปี จังหวัดปัตตานี แม่มีลูก 3 คน ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน พอหมดหน้านาก็ไปรับจ้างปอกมะพร้าว แม่เป็นคนขยัน หนักเอา เบาสู้ อดทนทำงานหนัก เพื่ออนาคตที่ดีของลูก ๆ แม่เป็นคนจิตใจงามมีน้ำใจช่วยเหลือทุกคนเมื่อมีโอกาส ซึ่งได้รับอิทธิพลการปลูกฝังมาจากคุณยาย จนทุกวันนี้ลูก ๆ ทุกคนมีหน้าที่การงาน ที่มั่นคง
แต่โชคชะตากลับพลิกผันลูกชายคนสุดท้องของแม่ มีอาชีพเป็นตำรวจ ถูกคนร้ายดักซุ่มยิง แม่ทราบข่าวถึงกับล้มทั้งยืน จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้ความสูญเสียเกิดขึ้นแก่ครอบครัวของแม่เสงี่ยม นิลวิสุทธิ์ แต่ด้วยหัวใจนักสู้ของแม่ ปัจจุบันแม่ยังคงทำนา ทำสวนยาง ทำสวนมะพร้าว ถึงแม้บ้านเราจะไม่สงบเหมือนก่อน แม่ต้องเข้มแข็งและยืนหยัดอยู่ให้ได้เพื่อลูก
- รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกปกติ ภาคกลาง ได้แก่ แม่เรณู อินทอง อายุ 62 ปี จังหวัดนครสวรรค์ แม่มีลูก 3 คน เดิมประกอบอาชีพทำไร่ ทำสวน และค้าขาย ต่อมาเมื่อสามีไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพราะคิดว่าจะมีรายได้ที่มากขึ้นให้ครอบครัว นับจากวันนั้น แม่ไม่ได้รับการติดต่อจากสามีอีกเลย แม่จึงแบกภาระเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนเพียงลำพัง ด้วยความขยัน อดทน แม่ทำงานรับจ้างส่งหนังสือพิมพ์ ขายเรียงเบอร์ แม้แต่งานหนักเหมือนผู้ชายแบกกระสอบข้าวฟ่างแม่ก็เคยทำมาแล้ว จากนั้นแม่จึงหันมาขายลอดช่อง และขนมเล่งวุ้น ตอนออกไปขายของก็เอาลูกใส่รถเข็นไปด้วย ชีวิตแม่พบเจอความลำบาก เหมือนเจอบททดสอบของชีวิต ไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้อข้าวกิน
จนวันนี้ลูกทั้ง 3 คน จบการศึกษาและมีการงานที่ดี ชีวิตของแม่ เริ่มดีขึ้น และสิ่งที่แม่ภาคภูมิใจที่สุด คือ แม่ได้รับโอกาสในการทำเครื่องเสวยพระกระยาหารกลางวัน (น้ำกะทินวลแห้ว) ถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หยาดเหงื่อของแม่ทุกหยด คือ อนาคตของลูกวันนี้ ความเหน็ดเหนื่อยของแม่ไม่สูญเปล่า ลูก ๆ ทุกคนยึดมั่นในความดีที่แม่อบรมสั่งสอนตลอดมา
รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกพิการ
- รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกพิการ ภาคเหนือ ได้แก่ แม่อุไร เชื้อปู่คง อายุ 48 ปี จังหวัดอุตรดิตถ์ แม่มีลูก 2คน เดิมประกอบอาชีพขายขนมครก ข้าวเหนียวปิ้ง และอาหารตามสั่ง ลูกชายคนโตของแม่เป็นคนเรียนดี สอบเข้าโรงเรียนดังของจังหวัดได้ ลูกคนนี้จึงเป็นความหวังของแม่ จนวันหนึ่งหัวใจแม่แทบสลาย เมื่อรู้ข่าวว่าลูกถูกยิง และเป็นการยิงผิดตัว กระสุนปืนเข้ากระดูกซี่โครงกลางหลัง ตัดเส้นประสาทไขสันหลัง ผลจากการโดนยิงครั้งนั้น ทำให้ลูกชายมีท่อนล่างอ่อนแรง แม่หมดเงินไปกับการรักษาลูก เหลือเงินเพียงแค่ 7 บาท ในช่วงเวลาที่ไร้หนทางแม่ยังได้รับกำลังใจจากครอบครัว จนทำให้จิตใจแม่เข้มแข็งขึ้นมาได้
ทุกวันนี้แม่ทำหน้าที่ดูแลด้วยความรักที่แม่มีต่อลูก แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แม่ไม่เคยปริปากบ่น ปัจจุบันนี้แม่ยังได้นำประสบการณ์ที่ได้ดูแลลูกชายมาเป็นอาสาสมัครดูแลคนพิการและผู้สูงอายุในชุมชน นอกจากนี้ แม่ยังทำไร่ข้าวโพด ปลูกผักสวนครัวขาย ดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ความสุขของแม่เกิดจากการอุทิศตนเป็นผู้ให้ ไม่ว่าลูกจะเจ็บ จะปวด จะร้อน หรือหนาว แม่คนนี้จะอยู่เคียงข้างลูกตลอดไป
- รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกพิการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ แม่เม้า ศรีนอก อายุ 78 ปี จังหวัดเลย แม่มีลูก 9 คน ลูกของแม่เม้าทุกคนแม้จะเล่าเรียนไม่สูงเนื่องจากฐานะยากจน แต่ทุกคนก็เป็นคนดีของสังคม เมื่อลูกๆ โต และมีงานทำ ส่งเงินทองมาเลี้ยงดูแม่ แม่มีโอกาสสบายได้เพียงเวลาสั้นๆ ไม่ถึง 2 ปี ลูกคนสุดท้องที่เริ่มทำงาน ก็ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส เป็นเจ้าชายนิทราถึง 12 วัน แต่เมื่อลูกฟื้นขึ้นมาต้องกลายเป็นคนพิการ แขนขาซ้ายเป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่ไม่คิดว่าเป็นภาระ แต่พยายามทำงานเพื่อให้มีรายได้มาดูแลรักษาลูก ซึ่งนับว่าเป็นภาระที่หนักมากสำหรับแม่คนหนึ่งที่มีอายุมากแล้ว
แต่ความทุกข์ยากของแม่เพิ่มขึ้นอีกเมื่อลูกชายคนที่ 5 ซึ่งร่างกายแข็งแรงขยันทำมาหากิน และช่วยแบ่งเบาภาระของแม่กลับล้มป่วยกะทันหัน แขนขาอ่อนแรง ทำมาหากินไม่สะดวก ต้องอาศัยรถเข็นในการเดินทาง แต่แม่เม้าก็ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา เป็นกำลังใจให้ลูก แม้ในวันนี้ร่างกายของแม่จะไม่แข็งแรง เพราะเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และต้อกระจก แต่กลับมองชีวิตในมุมบวกว่า “ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และนับว่ายังโชคดีที่มีโอกาสอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตากับลูกหลาน”
- รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทแม่ของลูกพิการ ภาคกลาง ได้แก่ แม่สุภางค์ สำฤทธิ์ อายุ 44 ปี จังหวัดชลบุรี แม่มีลูก 2 คน เดิมประกอบอาชีพขายเสื้อผ้า แต่ต้องเลิกขาย เพราะคุณยายเลี้ยงลูกชายคนเล็กที่เป็นออทิสติกไม่ไหว แม่กล่าวพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น กว่า 17 ปี หัวใจของผู้หญิงธรรมดา ที่ขึ้นชื่อว่าแม่ ได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ช่วยเหลือดูแลลูกชายที่มีความบกพร่องทางด้านอารมณ์ และสมองอย่างรุนแรง อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ตราบจนวันนี้ ลูกสาวคนโตได้เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักหนา ด้วยความรู้สึกที่ว่า “น้องไม่ได้เป็นภาระ แต่น้องเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา”
ปัจจุบันแม่สุภางค์และบุตรสาวนำประสบการณ์ที่ได้ดูแลลูกชาย มาเติมเต็มให้ครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติกด้วยการทำงานที่ศูนย์ส่งเสริมทักษะชีวิตบุคคลออทิสติกพัทยา เพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้อยู่อย่างมีความสุขกับครอบครัวและสังคมต่อไป
ข่าวเด่น