เมื่อช่วง 16.00 น.ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้แถลงความคืบหน้ากรณีการประชุมพิจารณาชี้มูลกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร้องให้มีการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และการขายข้าวระบบจีทูจีว่าเข้าข่ายทุจริตหรือไม่โดยระบุว่า ยังไม่มีการชี้มูลความผิด แต่มีความคืบหน้า โดย ป.ป.ช.กำลังติดตามเส้นทางการเงิน 1,744 ฉบับ จาก 6 ธนาคารเพื่อที่จะให้ใครเป็นคนซื้อแคชเชียร์เช็คนี้ โดยเบื้องต้นมีเพียง 3 ธนาคารที่ส่งข้อมูลมาให้ประกอบไปด้วย ธนาคารกรุงไทย, แบงก์ ออฟ ไชน่า และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ส่วนที่เหลือยังไม่มีการส่งข้อมูลมา แต่ได้รับการประสานจากธนาคารกรุงเทพ และกสิกรไทย ว่าจะส่งมาให้ภายในกลางเดือนกันยายน 2556 แต่ธนาคารไทยพาณิชย์ยังไม่ได้รับการประสานมา โดย ป.ป.ช.ได้แจ้งไปแล้วว่า ให้ส่งข้อมูลมาภายในเดือนกันยายนนี้ นอกจากส่วนของแคชเชียร์เช็คแล้ว ป.ป.ช.ยังระบุด้วยว่า จะต้องมีการสอบถามข้าราชการกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการประสานงานการรับจำนำข้าว และสอบถามองค์กรคลังสินค้ากรณีส่งข้าวไปยังที่มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ประเทศจีนด้วย รวมถึงสอบผู้ที่เกี่ยวข้องอีกบางส่วนก่อนประชุมพิจารณาชี้มูล สำหรับคดีการทุจริตการรับจำนำข้าวดังกล่าว นพ.วรงค์ได้ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2556 เพื่อให้ตรวจสอบการระบายข้าวเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2554 ตามเนื้อหาที่ได้อภิปรายในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น โดยขอให้ตรวจสอบคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวทั้ง 10 คน ซึ่งมีนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ เป็นประธาน และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง อดีต รมว.พาณิชย์ร่วมด้วย โดยขอให้ตรวจสอบต่อเนื่องไปถึงการระบายข้าวในสมัยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็น รมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวของการระบายข้าว และตรวจสอบไปถึงข้าราชการและภาคธุรกิจเพราะเห็นว่าการระบายข้าวครั้งนี้จะไม่สามารถสำเร็จได้หากไม่มีการสมรู้ร่วมคิดจากบุคคลเหล่านี้ ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดจริงจะส่งผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องยุติการทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีทันที เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 272 วรรคสี่ ระบุว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ผู้ถูกยื่นถอดถอนจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ จนกว่าวุฒิสภาจะลงมติถอดถอน
ข่าวเด่น