สภาวะตลาดวันที่ 6 กันยายน 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,366.33-1,373.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV13 อยู่ที่ 21,200 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 330 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,530 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVV13 อยู่ที่ 767 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 767 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.29 น.ของวันที่ 06/09/13)

แนวโน้มวันที่ 9 กันยายน 2556    
ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวภายหลังการประชุมของธนาคารกลางยุโรป เขาคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของอีซีบีจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบันหรืออาจจะปรับตัวลดลง ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งอีซีบีลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% แม้นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงของยูโรโซนในไตรมาส 2 ขยายตัว แต่เข้าคาดว่าจีดีพีอาจฟื้นขึ้นตัวอย่างช้า ซึ่งมุมมองต่อเศรษฐกิจยูโรโซนที่เป็นลบกดดันสกุลเงินยูโรให้อ่อนค่าลงและดันสกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุด ส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลง ประกอบกับราคาทองคำยังถูกดดัน จากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคบริการพุ่งขึ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งบ่งชี้ถึงภาคบริการของสหรัฐขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปี และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่ลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับต่ำสุด ในรอบเกือบ 5 ปี ประกอบกับราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐยังไม่ได้ดำเนินการคืบหน้าในปฏิบัติการ ทางทหารต่อซีเรียด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้วายแอลจีแนะนำว่าให้ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก สำหรับวันนี้วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้บ้าง โดยหากราคาทองคำมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านในโซน 1,389 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามการจับตาความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลกนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับนักลงทุนในประเทศ เพราะการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้ ทำให้นักลงทุนทำกำไรในตลาดทองคำในประเทศได้ค่อนข้างยาก โดยการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นพยุงราคาทองคำในประเทศไว้ค่อนข้างมาก
       
กลยุทธ์การลงทุน  ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,389 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,397 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ  ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,353 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์  
                
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ        1,353 (20,730บาท)       1,333 (20,420บาท)        1,320 (20,220บาท)  
แนวต้าน     1,389 (21,290บาท)       1,397 (21,410บาท)        1,410 (21,610บาท)     

GOLD FUTURES (GFV13)
แนวรับ        1,353 (20,950บาท)       1,333 (20,650บาท)        1,320 (20,450บาท)  
แนวต้าน     1,389 (21,510บาท)       1,397 (21,630บาท)        1,410 (21,830บาท)     

SILVER FUTURES (SVV13)
         แนวรับ            22.90 (759 บาท)          22.60 (749 บาท)             22.25 (738 บาท)    
แนวต้าน          23.95 (793 บาท)          24.30 (804 บาท)             24.80 (820 บาท)