ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ออสสิริส ฟิวเจอร์ส มองราคาทองวันนี้ มีโอกาสปรับทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1395 อีกครั้ง


บทวิเคราะห์และมุมมองของนักวิเคราะห์ ของ ออสสิริส ฟิวเจอร์ส ประจำวันที่ 9 กันยายน 2556


Gold Futures
         ทาง Ausiris มองราคาทองคำในวันนี้ว่ามีโอกาสปรับทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1395 อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรายังมองการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นเพียงการรีบาวด์ระยะสั้นๆ เนื่องจำการคายังไม่สามารถกลับมายืนเหนือแนวต้านทางเทคนิคได้ที่ 1395 ได้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้เรามองว่าควรลงทุนฝั่งขายก่อน โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 1395 ในทางกลับกันหากราคาสามารถทะลุและยืนเหนือ 1395 ได้ จึงค่อยสลับฝั่งกลับมาเป็นฝั่งซื้อ


 Trading ($/oz)

กรอบ 1360–1415
แนวต้าน1395  1405 1415
แนวรับ 1380 1373  1360

Strategy

ไม่มีสถานะ...

Intraday : “จ้างงานสหรัฐออกมาแย่ ทองรีบาวด์ / ขายก่อน-หากยืน 1395 ได้ค่อยสลับเป็นซื้อ”

- มือเปล่า รับความผันผวนได้/เสี่ยงซื้อสั้นๆก่อนได้ Cut loss 1380

ราคาขึ้นสูงตัดกำไร อาจสลับเป็นฝั่งขายที่แนวต้าน 1400/1405

- มือเปล่า / อยู่ฝั่งขาย รอรีบาวด์ขึ้นแล้วลงทุนฝั่งขายที่แนวต้าน Cut loss 1400

- หลุด 1378 ขายสะสมได้

Trend Trade: “ระยะกลางขึ้น / ระยะสั้นๆทดสอบแนวต้าน 1395/1405”

- Wait and see รอซื้อที่แนวรับสำคัญ

---------------------------------------------

SET50 Index Futures
ทาง Ausiris มองดัชนี SET50 Index วันนี้มีโอกาสปรับตัวในแดนบวกต่อไป หลังสามารถทำจุดสูงสุดและยืนได้ที่แนวต้านเดิมที่ 905/910 ตามลำดับ ทั้งนี้ระหว่างวันราคาอาจปรับตัวย่อลงมาได้บ้าง แต่เรามองว่าราคาดัชนี SET50 Index ยังไม่หลุดแนวรับที่ 905/900 นั้น ก็สามารถเข้าซื้อ โดยมีเป้าหมายต่อไปที่ 925/935

Trading SET50 Index (pt.)


กรอบ 885 – 940

แนวต้าน  925   935   940

แนวรับ 905 800 895 885


Strategy

ไม่มีสถานะ...


Intraday: “เทรดตามภาพรีบาวด์สั้นๆ ถึงแนวต้านสำคัญค่อยสลับเป็นขาย”

- มือเปล่า-รับความเสี่ยงได้/อยู่ฝั่งซื้อ Cut loss 905

- มือเปล่า/รอย่อแล้วซื้อ Cut loss 895/885

- ที่แนวต้าน 930-940 ให้เริ่มสลับหน้าเป็นขาย

 

Trend Trade: “ระยะกลางลง / ระยะสั้นรีบาวด์ขึ้น”

- ยังไม่มีสัญญาณซื้อ Wait and see

 

---------------------------------------------------------

Technical and Fundamentals view

Previously...

ต่างประเทศ

· ก.แรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ ณ 31 ส.ค.ลดลง 9,000 ราย มาอยู่ที่ 323,000 ราย ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 330,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เป็น 331,000 ราย ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 169,000 ตำแหน่งในเดือน ส.ค. ต่ำกว่าของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น180,000 ตำแหน่ง บ่งชี้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ดี อัตราว่างงานได้ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 7.3% ในเดือน ส.ค. ซึ่งลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง

· ก.แรงงานสหรัฐ รายงานว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรในช่วงไตรมาส 2 ขยายตัว 2.3% หลังจำกลดลง 1.7% ต่อปีในไตรมาสแรก โดยประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงผลผลิตที่ปรับตัวขึ้น 3.7% และชั่วโมงทำงานที่เพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาส 2

· สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือน ส.ค. ขยายตัวขึ้นสู่ ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2551 โดยขึ้นเป็น 58.6 จากเดือน ก.ค. ที่เป็น 56.0 ทั้งนี้ ภาคบริการมีสัดส่วนในการจ้างงานในสหรัฐสูงถึง 90% บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศเริ่มแข็งแรงขึ้น

· ก.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือน ก.ค. หดตัวลง 2.4% หรือลดลง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 4.85 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือน มิ.ย. เป็นการปรับตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน

· มูดีส์ อินเวสต์เตอร์ส เซอร์วิส ปรับเพิ่มมุมมองที่มีต่อระบบการธนาคารของเยอรมนีเป็นมีเสถียรภาพ จากเดิมที่อยู่ในเชิงลบมาตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 สะท้อนว่าภาคธนาคารเยอรมนีจะรับมือกับภาวะวิกฤตได้มากขึ้น หลังจากที่ขาดทุนลดลงและมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น

· ส.สถิติแห่งชาติของเยอรมนี รายงานว่า ยอดส่งออกในเดือน ก.ค.หดตัวลง 1.1% ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 0.5% ซึ่งส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าหดตัวลงมาสู่ระดับ 1.45 หมื่นล้านยูโร

· ส.สถิติแห่งชาติฝรั่งเศส เปิดเผยว่า อัตราว่างงานขยับขึ้น 0.1% ในไตรมาส 2 ไปอยู่ที่ 10.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ปี 2540 และเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายปี

· ส.สถิติแห่งชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าขยายตัวไปอยู่ที่ 3.1 พันล้านปอนด์ในเดือน ก.ค. จาก 1.3 พันล้านปอนด์ในเดือน มิ.ย. ทั้งนี้ ยอดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอียูซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่สุดของอังกฤษเพิ่มขึ้น 200 ล้านปอนด์ไปอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านปอนด์ ส่วนยอดนำเข้าในช่วง 3 เดือนสิ้นสุด ก.ค.พุ่งไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.042 แสนล้านปอนด์ บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจอังกฤษ

· บริษัทฮาลิแฟกซ์ เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ส.ค.เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ก่อให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์

· ส.สถิติแห่งชาติจีน รายงานว่า มูลค่าการส่งออกของจีนเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 7% เป็นผลให้จีนเกินดุลการค้า 2.86 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

· เกาหลีใต้ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านการประมงจาก 8 จังหวัดของญี่ปุ่น ได้แก่ ฟูกูชิมะ อาโอโมริ อิบารากิ กันมะ มิยากิ อิวาเตะ โตชิกิ และ ชิบะ โดยผลิตภัณฑ์การประมงทั้งหมดจากพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากกัมมันตรังสีในญี่ปุ่นถูกสั่งห้ามนำเข้ามายังเกาหลีใต้ อันเนื่องมาจากความเสี่ยงด้านการปนเปื้อนกัมมันตรังสี

· ก.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ณ สิ้น ส.ค. พุ่งขึ้น 171 ล้านดอลลาร์ ไปแตะ 1.25 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดกันจากการเพิ่ม ขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยพันธบัตรที่รัฐบาลญี่ปุ่นถือครองอยู่ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อน

· ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำ 919.23 ตัน (คงที่)

ในประเทศ

· SET Index ปิดที่ 1,336.25 จุด เพิ่มขึ้น 22.76 จุด หรือ 1.73% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 31,665.56 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวันและไปแตะจุดสูงสุที่ 1,337.03 จุด ในขณะที่ต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,312.92 จุด

· อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัด ก.คลัง เปิดเผยว่า กำลังหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีศุลกากรนาเข้าสินค้ำ ฟุ่มเฟือยเพื่อให้ไทยเป็น "ช๊อปปิ้งพาราไดซ์" เทียบชั้นสิงคโปร์และฮ่องกง โดยจะปรับลดภาษีเป็น 0% ให้สินค้าประเภทน้ำหอม เครื่องสำอาง และกลุ่มแบรนด์เนมทั้งนาฬิกาและเสื้อผ้าซึ่งปัจจุบันถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 30% ขณะที่สิงคโปร์และฮ่องกงไม่เก็บภาษี ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศและจับจ่ายเพิ่มมากขึ้น กับช่วยดึงเงินของเศรษฐีไทยไม่ให้ไหลออกนอกประเทศ โดยจะเป็นมาตรการถาวรที่ให้ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย ซึ่งคาดจะมีผลบังคับใช้ปีนี้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจกับชดเชยการส่งออกที่หดตัว นอกจำกานี้ ยังสนับสนุนการค้าตามแนวชายแดนโดยให้คนไทยและต่างชำติถือครองเงินสดรูปเงินบาทมากกว่าเดิมที่เป็น 500,000 บาท เพื่อกระตุ้นการค้าและการท่องเที่ยว รวมถึงมีแผนการบริโภคภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ วงเงินกว่า 8.8 แสนล้านบาท พร้อมกับมีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณกับเร่งรัดการลงทุน ทั้งนี้ ปลัด ก.คลัง เชื่อมั่นว่ามาตรการทั้งหมดจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังและจะทำให้ GDP ขยายตัวได้ร้อยละ 4 ในปีนี้

· สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

นักลงทุนสถาบัน +8.42      บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +1,761.34

นักลงทุนต่างชาติ +985.05  

นักลงทุนทั่วไป -2,754.82
 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ก.ย. 2556 เวลา : 11:20:14

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:37 am