น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบ ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2.16 เหรียญฯ ปิดที่ 110.53 เหรียญฯ ขณะที่เบรนท์ส่งมอบ ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.86 เหรียญฯ ปิดที่ 116.12 เหรียญฯ + ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีกว่า หลังนักลงทุนพากันเข้าซื้อน้ำมันในตลาดล่วงหน้าสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก เพราะกังวลว่าสหรัฐฯ จะใช้กำลังทางทหารเข้าแทรกแซงเหตุการณ์ในซีเรียซึ่งจะทำให้ความรุนแรงบานปลายไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และกระทบต่อกำลังการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง + การประชุม จี 20 ที่รัสเซียเมื่อวันที่ 5 - 6 ก.ย. ที่ผ่านมา แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะถูกคัดค้านอย่างมากจากรัสเซีย จีน และสหภาพยุโรปถึงแผนการบุกโจมตีซีเรีย แต่ประธานาธิบดีโอบามาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร กล่าวเพียงว่าหากไม่มีการจัดการอย่างใดเลยกับซีเรียก็อาจทำให้เกิดการใช้อาวุธเคมีขึ้นอีกในประเทศอื่นๆ ได้ ขณะที่รัสเซียเองก็ออกมายืนยันว่าความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่ซีเรีย + ขณะที่ตลาดเฝ้าจับตาการลงมติจากสภาคองเกรซของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ว่าสภาจะเห็นชอบให้มีการโจมตีซีเรียหรือไม่ โดยประธานาธิบดีโอบามามีกำหนดการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในเรื่องนี้แก่ประชาชนในวันอังคารที่ 10 ก.ย. นี้ + ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงได้รับแรงหนุนจากปัญหาอุปทานตึงตัวหลังการส่งออกของลิเบียยังปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งทะเลเหนือหลังการปิดซ่อมบำรุงยังกลับมาได้ช้ากว่ากำหนด อย่างไรก็ดีการผลิตจากทะเลเหนือในเดือน ต.ค. คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 910,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 820,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ย. + แม้อัตราการว่างงานสหรัฐฯ เดือน ส.ค. จะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง ที่ 7.3% แต่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 169,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงการใช้มาตรการ QE ต่อไปอีกระยะหนึ่ง หรือปรับลดวงเงินอัดฉีดลงเพียงเล็กน้อย ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ ทั้งนี้เนื่องจากอุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปทานจากเกาหลีใต้ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่เบาบาง และการนำเข้าของอินโดนีเซียที่ลดน้อยลง ขณะที่อุปทานน้ำมันดีเซลในตลาดยังมีเพียงพอ ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบเดิม โดยเวสต์เท็กซัสที่กรอบ 105-111 เหรียญฯ ขณะที่เบรนท์ เคลื่อนไหวในกรอบ 111 - 117 เหรียญฯ โดยราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบสูงเนื่องจากสถานการณ์ในซีเรียมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น นอกจากนั้น ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตของจีนที่จะประกาศในวันนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์: ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิตของจีน วันอังคาร: การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดขายปลีกจีน วันพุธ: ยอดค้าส่งสหรัฐฯ และดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี (ครั้งสุดท้าย) วันพฤหัสฯ: การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหภาพยุโรป และรายงานดุลงบประมาณธนาคารกลางสหรัฐฯ วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ - ติดตามรายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน ก.ย. ของ EIA, OPEC (10 ก.ย.) และ IEA (12 ก.ย.) ว่าจะมีมุมมองต่อทิศทางอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบอย่างไร ภายหลังซาอุดิอาระเบียวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาสที่ 3 เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันดิบที่คาดว่าจะหายไปเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ปัจจัยที่น่าจับตามอง - ติดตามผลการตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีในซีเรียโดยสหประชาชาติที่คาดว่าจะมีรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะถือเป็นหลักฐานสัญที่ชาติตะวันตกหลายประเทศจะนำไปใช้เพื่อการพิจารณาว่าจะเข้าโจมตีซีเรียเพื่อหยุดยั้งการใช้อาวุธเคมีหรือไม่ - ความคืบหน้าแผนปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ต่อซีเรีย หลังคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐฯ เห็นชอบให้มีการโจมตีซีเรีย โดยสัปดาห์นี้เฝ้าจับตาการลงมติเห็นชอบของสภาคองเกรสจะเริ่มขึ้นในวันที่ 9 ก. ย. อย่างไรก็ดีการลงมติอาจใช้เวลานานถึง 2 สัปดาห์ - การส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียที่ลดลงต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ระดับ 80,000 บาร์เรลต่อวัน ยังคงทำให้ตลาดกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวต่อเนื่อง แม้ว่าท่าเรือหลายแห่งจะกลับมาเปิดดำเนินการแล้วก็ตาม - ขณะที่การปิดซ่อมบำรุงท่าเรือส่งออกของอิรักในเดือน ก.ย. ทำให้การส่งออกลดลงเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อุปทานน้ำมันดิบในภูมิภาคตึงตัวขึ้น - กำลังการผลิตน้ำมันดิบจากบริเวณทะเลเหนือจะกลับมาอยู่ที่ระดับเดิมเมื่อไหร่ หลังล่าสุดการส่งมอบน้ำมันบางส่วนของเดือน ก.ย. ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือน ต.ค.
ข่าวเด่น