ยูเอ็นตีแผ่ผลสำรวจ 1ใน 4 ของผู้ชาย 6 ประเทศเอเชียรับเคยข่มขืนผู้หญิง
รายงานการสำรวจภายใต้หัวข้อ "ทำไมผู้ชายหลายคนถึงใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงและจะป้องกันได้อย่างไร" ของสหประชาชาติ(UN) ที่สัมภาษณ์ผู้ชาย 10,000 คน และผู้หญิง 3,000 คน ตั้งแต่ปี 2553 - 2556 ใน 6 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา จีน อินโดนีเซีย ศรีลังกา และปาปัวนิวกินี และพบว่า ผู้ชายร้อยละ 10 ยอมรับว่า เคยข่มขืนสตรีที่มิใช่ภรรยาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และเมื่อรวมการข่มขืนภรรยาหรือคู่รักตนเองด้วย ตัวเลขนี้จะเพิ่มเป็นร้อยละ 25 โดยเฉพาะที่ปาปัวนิวกินี มีผู้ชายร้อยละ 62 ยอมรับว่าเคยข่มขืนผู้หญิง และกว่าร้อยละ 80 ใช้ความรุนแรงทั้งทางร่างกายและทางเพศต่อคู่รัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เป็นประเทศที่มีความเสมอภาคทางเพศที่ต่ำมาก
การสำรวจได้เลือกภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นสถานที่แรกของการวิจัยเรื่องความรุนแรงทางเพศเพราะยูเอ็นมีหลายโครงการเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงในภูมิภาคนี้ การสำรวจนี้ยังมุ่งศึกษาถึงเหตุผลและทัศนคติของผู้กระทำด้วย ซึ่งได้พบว่า แอลกอฮอล์ที่คิดว่าเป็นต้นเหตุสำคัญในการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงกลับไม่ใช่คำตอบแรกที่ผู้ชายนึกถึง โดยชายที่ยอมรับว่าเคยบังคับสตรีมีเพศสัมพันธ์ด้วย เกือบ 75% ระบุว่าทำเพราะรู้สึกว่ามีสิทธิทางเพศที่จะทำได้ และมากกว่าครึ่งทำเพราะรู้สึกเบื่อหรือหาความบันเทิง ขณะ 40% ระบุว่า เป็นเพราะรู้สึกโกรธหรืออยากลงโทษผู้หญิง ส่วนปัจจัยเหตุอื่นๆที่ส่งให้ผู้ชายใช้ความรุนแรงต่อสตรี มีทั้งความยากจน การถูกกระทำทางร่างกายหรืออารมณ์ในวัยเด็ก
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาถึงการข่มขืนในผู้ชายด้วย โดยระบุว่าประมาณร้อยละ 2 ของผู้ชายในบังกลาเทศ จีน และอินโดนีเซียเคยถูกข่มขืนโดยผู้ชายด้วยกัน ขณะที่มีประมาณร้อยละ 3-4 ในศรีลังกาและกัมพูชา และสูงถึงร้อยละ 8 ในปาปัวนิวกินี
ข่าวเด่น