นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศมอนเตเนโกร และลงนามในข้อตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่า ระหว่างไทย กับมอนเตเนโกรในหนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางเจ้าหน้าที่การทูต ทำให้ตนสงสัยว่าการลงนามดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องปกติที่ประเทศคู่ค้าจะสามารถดำเนินการได้ แต่ในประเทศใหญ่มักจะไม่ค่อยลงนามกับประเทศเล็กๆ และประเทศมอนเตรเนโกรก็เล็กกว่าประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยในปี 2554 เพียง 211 คน มูลค่าการค้าระหว่างกัน 210 ล้านบาท โดยไทยนำเข้าสินค้ามอนเตเนโกร เพียง 9 ล้านบาท เท่านั้น
“ที่สำคัญยังมีนัยทางการเมืองคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือสัญชาติมอนเตเนโกรด้วย ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือหนังสือเดินทางราชการ หรือเจ้าหน้าที่ทูต หรือไม่ ถ้าถือหนังสือเดินทางดังกล่าวแล้วเดินทางเข้าประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ต้องขอวีซ่า ไม่ต้องติดต่อสถานทูตไทย สามารถเดินทางเข้าประเทศไทย ในฐานะคนมอนเตเนโกรได้เลย แล้ววันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ของไทยไม่มีสิทธิจับกุมพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นพลเมืองของชาติอื่นได้ ถ้าถึงวันนั้นรับรองได้ว่าประเทศจะวุ่นวายอย่างแน่นอน ผมไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย แต่เรื่องเหล่านี้เป็นไปตามหลักการ และคนไทยก็สามารถเดินทางไปมอนเตเนโกรเพื่อพบใครได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องมีบันทึกการเดินทาง จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้คำตอบว่าเพราะอะไรจึงไปลงนามกับประเทศเล็กๆแต่มีนัยยะทางการเมืองสูงแบบนี้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปาฐกถาที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ระบุว่า ประชาธิปไตยต้องเคารพเสียงข้างน้อยไม่ยัดเยียดความต้องการของใครให้ปฏิบัติตามนั้น ตนอยากบอกว่าสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดสวนทางกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามยัดเยียดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายนิรโทษกรรม ให้กับคนไทย ดังนั้นเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปาฐกถาเช่นนี้ เมื่อกลับมาก็อยากให้ปฏิบัติตามที่ได้กล่าวไว้ด้วย
ข่าวเด่น