ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,494.78 จุด เพิ่มขึ้น 118.72 จุด หรือ +0.77% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,697.60 จุด เพิ่มขึ้น 9.61 จุด หรือ +0.57% แต่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,717.85 จุด ลดลง 4.33 จุด หรือ -0.12% เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลงถึง 3.18% มาปิดที่ระดับ 450.12 ดอลลาร์
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.6% ปิดที่ 313.42 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2008 ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,613.00 จุด เพิ่มขึ้น 103.58 จุด หรือ +1.22% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,152.22 จุด เพิ่มขึ้น 37.72 จุด หรือ +0.92% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,622.86 จุด เพิ่มขึ้น 39.06 จุด หรือ +0.59%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น ขานรับข่าวที่ว่านายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ สืบต่อจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดคนปัจจุบัน ที่กำลังจะครบวาระในต้นปีหน้า ซึ่งการถอนตัวของนายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์สนั้นอาจส่งผลให้นางเจเน็ต เยลเลน รองประธานเฟด มีโอกาสมากขึ้นที่จะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของเฟด โดยคาดกันว่านางเยลเลน ซึ่งมีท่าทีสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินนั้น จะยังคงสานต่อนโยบายผ่อนคลายของนายเบอร์นันเก้ต่อไป
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กและยุโรปยังได้รับเป็นปัจจัยบวกเกี่ยวกับวิกฤตอาวุธเคมีซีเรีย หลังจากที่นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ และนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ได้บรรลุข้อตกลงเรื่องกรอบการทำลายอาวุธเคมีของซีเรียในการเจรจาที่กรุงเจนีวาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประกอบกับมีรายงานตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 0.4% ได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และภาคการผลิตอื่นๆที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.2% แตะ 77.8%
ข่าวเด่น