บมจ.ไทยออยล์รายงานว่า น้ำมันดิบร่วง หลังอิหร่านประนีประนอม ลิเบียเดินหน้าผลิตได้ โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบ ต.ค. ปรับลดลง 1.68 เหรียญฯ ปิดที่ 106.39 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ พ.ย. ปรับลดลง 1.84 เหรียญฯ ปิดที่ 108.76 เหรียญฯ
- ราคาน้ำมันดิบร่วงหลังจากการเจรจากรณีนิวเคลียร์ของอิหร่านกับชาติตะวันตกมีท่าทีที่ดีขึ้น โดยล่าสุด นายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีของอิหร่านออกย้ำชัดถึงเจตนารมณ์ว่า อิหร่านไม่ต้องการทำสงครามและมิได้มีจุดประสงค์ที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้อาทิตย์หน้าสหรัฐฯและอิหร่านอาจมีการหารือร่วมกันในกรณีดังกล่าวในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติอีกด้วย
- กำลังการผลิตน้ำมันดิบในลิเบียเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ภายหลังจากท่อขนส่งน้ำมันดิบซึ่งต่อกับหลุมน้ำมันอย่าง El Sharara และ El Feel สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง โดยหากทั้งสองหลุมสามรถดำเนินการได้เต็มกำลังแล้ว จะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 0.7ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 40% ของกำลังการผลิตรวมในช่วงต้นปี
-/+ การร่างมติการทำลายอาวุธเคมีในซีเรียโดย 5 ชาติสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติสิ้นสุดลงในวันพุธที่ผ่านมา (18 ก.ย.) โดยลำดับต่อไปจะเป็นการลงมติยอมรับรางดังกล่าวซึ่งยังไม่มีกำหนดกรอบเวลาแน่นอน อย่างไรก็ดี รัสเซียยังคงยืนยันว่าเป็นเสียงเดียวกันกับซีเรียว่า กลุ่มกบฏคือผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมี
+ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีขึ้น โดยผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟียปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22.3 ในเดือนก.ย.จาก 9.3 ในเดือนก่อนหน้าซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปี 2554 รวมไปถึงยอดขายบ้านมือสองปรับเพิ่มขึ้น 1.7% มาอยู่ที่ 5.48 ล้านหน่วยในเดือนส.ค.แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2550 นอกจากนี้ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานปรับเพิ่มขึ้น 309,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่คาดการณ์ว่าปรับเพิ่มขึ้น 330,000 ตำแหน่ง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจากปากีสถานที่ปรับเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากโรงกลั่นในประเทศที่ไม่สามารถดำเนินการได้เต็มประสิทธิภาพ
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันกลุ่มดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจากออสเตรเลียที่ปรับลดลง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดว่าราคาน้ำมันดิบสัปดาห์หน้า เวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 104-110 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ที่กรอบ 106-112 เหรียญฯ
ติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่
วันจันทร์: ดัชนีภาคการผลิตสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และจีน รวมไปถึงดัชนีภาคการบริการสหภาพยุโรปและเยอรมนี
วันอังคาร: ดัชนีราคาบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ
วันพุธ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ
วันพฤหัส: ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขาย และจีดีพีไตรมาส 2/2556 สหรัฐฯ
วันศุกร์: -
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- จับตาผลการเลือกตั้งเยอรมนีที่จะมีขึ้น ณ วันที่ 22 กันยายนนี้ เนื่องจากเยอรมนีเปรียบเสมือนผู้นำสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อยโยบายต่างๆของสหภาพยุโรป
- การตอบรับของตลาดต่อการตัดสินใจคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE)ของสหรัฐฯโดยจะยังคงการซื้อคืนพันธบัตรจำนวน 8.5หมื่นล้านดอลลาร์ต่อไป
- ติดตามปริมาณกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากลิเบีย ภายหลังท่อส่งน้ำมันดิบทางตะวันตกสามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของลิเบียกลับมาอยู่ที่ราว 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- ความคืบหน้ากรณีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย โดยล่าสุด 5 ชาติสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติร่วมร่างมติการทำลายคลังอาวุธเคมีในซีเรีย นอกจากนี้ยูเอ็นอาจมีการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม
ข่าวเด่น