น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบ พ.ย. ปรับลดลง 1.06 เหรียญฯ ปิดที่ 108.16 เหรียญฯ ขณะที่เวสต์เท็กซัสส่งมอบ พ.ย. ปรับลดลง 1.16 เหรียญฯ ปิดที่ 103.59 เหรียญฯ
 
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียล่าสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 620,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นเกือบ 40% ของการผลิตในช่วงก่อนเกิดสงคราม หลังกลุ่มผู้ประท้วงยอมเปิดแหล่งผลิตน้ำมันทางตะวันตก อย่างไรก็ตาม การประท้วงปิดท่าเรือทางฝั่งตะวันออกของลิเบียยังคงดำเนินต่อไป
 
- แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Rumailia ทางตอนใต้ของอิรักกลับมาผลิตน้ำมันดิบได้อีกครั้งที่ระดับ 1.35 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังกำลังการผลิตลดลงไปอยู่ที่ 870,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากปิดซ่อมรอยรั่วของท่อ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำมันดิบส่งมายังท่าเรือเพิ่มขึ้นเป็น 2.33 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม การส่งออกน้ำมันดิบของอิรักในเดือนนี้คาดว่าจะยังคงถูกจำกัดอยู่ที่ระดับ 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากท่าเรือส่งออกบางส่วนยังปิดซ่อมบำรุง
 
- ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของซูดานใต้ก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ระดับ 240,000 บาร์เรลต่อวัน  ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดนับแต่มีการหยุดการผลิตไปเมื่อ ม.ค. ปีที่แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาการส่งออกผ่านท่อน้ำมันของซูดานคลี่คลาย
 
- ดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯ  ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 52.8 ในเดือน ก.ย. จาก 53.9 เมื่อเดือนก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนยังกังวลกับการที่หลายฝ่ายเห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรมีการปรับลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและภาวะหนี้ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะชนเพดานในวันที่ 1 ต.ค. นี้  อย่างไรก็ดี
 
+ เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณว่ากำลังมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของจีนเบื้องต้นเดือน ก.ย. (HSBC flash PMI) ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 51.2  จากระดับ 50.1 ในเดือน ส.ค. ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.9 
 
+ ดัชนีภาคบริการเบื้องต้น (Flash Service PMI) เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน ที่ 52.1 จาก 50.7 ในเดือน ส.ค. ส่งผลให้ภาคการจัดซื้อเบื้องต้นของยูโรโซน (Composite PMI) ดีขึ้น โดยมีการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน ที่ 52.1 อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้นของยูโรโซน (Markit Flash PMI) เดือน ก.ย. ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 51.1 ในเดือน
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในตลาดมีมากเกินกว่าความต้องการใช้ในภูมิภาค หลังจีนส่งออกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ยังคงมีการนำเข้าอยู่บ้างจากอินโดนีเซียและศรีลังกา
 
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าน้ำมันดิบดูไบ ทั้งนี้เนื่องจากมีแรงซื้อเข้ามาจากแอฟริกาและตะวันออกกลาง ได้แก่ เคนยาและเยเมน ขณะที่ในภูมิภาคเองก็มีแรงซื้อเข้ามาบ้างเช่นกันจากเวียดนามและศรีลังกา
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดว่าราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 102-108 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันเวสต์เท็กซัส ขณะที่เบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106-112 เหรียญฯ ติดตามตัวเลขดัชนีราคาบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันนี้
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันอังคาร: ดัชนีราคาบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ
วันพุธ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ
วันพฤหัส: ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขาย และจีดีพีไตรมาส 2/2556 สหรัฐฯ
วันศุกร์: -
 
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- จับตาการประกาศจีดีพีไตรมาส 2/56 ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศครั้งสุดท้ายในสัปดาห์นี้ซึ่งตลาดคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ดีกว่าประมาณการครั้งที่ 2 ที่ขยายตัวอยู่ที่ 2.5%
- จับตาการจัดตั้งรัฐบาลผสมของนางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ของเยอรมนีหลังชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 ก.ย. มาอย่างท่วมท้น พร้อมจับตาว่าแผนการช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปที่กำลังประสบปัญหาหนี้จะยังคงอยู่หรือไม่ท่ามกลางการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่นี้
- ติดตามการเจรจาหาทางออกให้กับปัญหานิวเคลียร์อิหร่านที่ดูเหมือนจะมีท่าทีที่ดีขึ้นและอาจส่งผลให้มาตรการการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านของชาติตะวันตกมีผลกระทบลดลง
- ความคืบหน้ากรณีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย โดยล่าสุด 5 ชาติสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติร่วมร่างมติการทำลายคลังอาวุธเคมีในซีเรีย นอกจากนี้ยูเอ็นอาจมีการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม