สพฉ.ประสานพื้นที่เสี่ยงภัยรับมือสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมพร้อมรถสื่อสารเฉพาะกิจใช้ในกรณีเครือข่ายสื่อสารขัดข้อง เตือนประชาชนโรคเสี่ยงเตรียมสำรองยา ควรรีบอพยพก่อนสถานการณ์วิกฤติ ด้าน “กู้ชีพ จ.ปราจีน” เผยสถานการณ์รุนแรงสุดในรอบ 20 ปี เตรียมเรือกู้ชีพช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินแล้ว
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมในหลากหลายพื้นที่ว่า ขณะนี้ สพฉ.ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่ในเครือข่ายกู้ชีพให้เตรียมพร้อมในการปฏิบัติภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังพื้นที่จังหวัดเสี่ยงให้ตรวจสอบสายด่วน 1669 ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา แต่ทั้งนี้หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินน้ำท่วมจนมีปัญหาด้านเครือข่ายการสื่อสาร สพฉ.ได้จัดเตรียมรถสื่อสารเฉพาะกิจไว้แล้ว ซึ่งเป็นรถหกล้อที่จะสามารถใช้ติดต่อสื่อสารในสถานการณ์ภัยพิบัติได้
อย่างไรก็ตามประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย อาทิ จ.สระแก้ว จ.สุรินทร์ จ.ปราจีนบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ ควรเตรียมพร้อมในเบื้องต้นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง และผู้ป่วยโรคฉุกเฉินร้ายแรง อาทิ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ให้สำรองยาไว้ให้เพียงพอและหากสถานการณ์วิกฤติควรอพยพไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน ทั้งนี้สำหรับประชาชนทั่วไปควรควรสอดส่อง ติดตาม ฟังข่าวสารบ้านเมือง และสำรองปัจจัยสี่ จัดเตรียมน้ำ อาหารแห้ง ยารักษาโรค และของใช้ที่จำเป็นใส่ถุงกันน้ำโดยจัดทำเป็นชุดๆ เก็บไว้ในที่ปลอดภัย จัดเป็นชุด ให้หยิบฉวยง่ายและหยิบใช้สะดวก
สิบเอก กิตติพันธ์. คงกะพันธ์. เจ้าหน้าที่อุปกรณ์พิเศษรหัส กู้ภัย 014 มูลนิธิสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน. ปราจีนบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้น้ำได้ท่วมสูงมากกว่า 1 เมตร 20 เซนติเมตร และที่ อ.ศรีมหาโพธิ์ น้ำได้ท่วมสูง 50-70 เซนติเมตร แล้ว โดยการเตรียมการของมูลนิธิในการเข้าให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ฉุกเฉินนั้น เบื้องต้นได้เข้าร่วมประชุมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการรับมือแล้ว โดยได้มีการจัดเตรียมเรือกู้ชีพไว้สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยประชาชนที่บาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน 1669
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทางมูลนิธิร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้อพยพผู้ป่วยที่เข้าข่ายอาการฉุกเฉินมาไว้ในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการรักษาในบางส่วนแล้ว เพื่อสามารถให้การรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
ข่าวเด่น