ที่รัฐสภา วันนี้ (26 ก.ย.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาวาระกระทู้ถามสดของนายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามสด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องสถานการณ์น้ำท่วม

โดยนายกุลเดช ตั้งกระทู้ถามสดว่า ยังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนและการป้องกันที่ชัดเจนจากรัฐบาล หลังมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้างในหลายจังหวัด ทั้งการขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโรค ที่อยู่อาศัย พืชผลทางเกษตรเสียหาย สัตว์ขาดแคลนอาหาร มีเพียงการแจกถุงยังชีพซึ่งยังไม่ทั่วถึง ดังนั้น หากมีมรสุมพัดผ่านประเทศไทยอีกในวันข้างหน้าเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เหมือน ปี 2554 หรือไม่
        
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ หรือ กบอ.  ชี้แจงยืนยันว่า น้ำจะไม่ท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 อย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมมาตรการเร่งด่วนเตรียมความพร้อม  ทั้งเครื่องมือรวมถึงงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว  ด้วยการเร่งระบายน้ำออกทะเลให้เร็วที่สุด เพราะตั้งแต่วันพรุ่งนี้(27 ก.ย.) จนถึงวันที่ 30 ก.ย. จะมีฝนตกหนัก  สถานการณ์โดยรวมหากปริมาณฝนไม่ตกลงมาเพิ่มเติม ใน 29 จังหวัด จะแก้ไขปัญหาได้ภายใน 2 วัน แต่ที่เป็นห่วงคือ อำเภอบางบาล ที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าตลิ่งอยู่ที่ 1 เมตร และศรีสะเกษเกินอยู่ที่ 4 เมตร แต่จะสามารถแก้ไขได้ภายในสัปดาห์นี้  รวมถึงเป็นห่วงสถานการณ์น้ำใต้เขื่อน อีกทั้งขณะนี้เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ยังมีปริมาณน้ำอยู่ที่ร้อยละ 50 หากเปรียบเทียบกับปี 2554 ที่มีปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ร้อยละ 70 /ขณะที่ปริมาณน้ำในกรุงเทพมหานครยังอยู่ที่ 1.77 เมตร เหนือน้ำทะเลปานกลางที่รับได้อยู่ที่ 2.70 เมตร
         
นายปลอดประสพ ยังได้ชี้แจงถึง แผนการแก้ปัญหาระยะยาว มีวิธีการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การเสริมเขื่อน 21 แห่ง ที่สามารถชะลอน้ำไว้ได้ ซึ่งตามสถิติประเทศไทยหากไม่มีน้ำท่วมทุ่งน้ำจะไม่ท่วมอย่างแน่นอน การแก้ปัญหากลางน้ำ ชะลอน้ำด้วยแก้มลิงเหนือจังหวัดนครสวรรค์ 40 แห่ง สามารถกักเก็บน้ำได้ 10,000 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมยืนยันงบประมาณในโครงการ 3.5 แสนล้านบาท เช่น การก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน

ด้านนายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการช่วยเหลือประชาชน โดยขณะนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวบรวมข้อมูลและสำรวจพื้นที่เกษตรที่ได้รับความเสียหายในแต่ละจังหวัด เพื่อพิจารณาให้เงินช่วยเหลือเยียวยาหลังน้ำลดได้อย่างรวดเร็ว