วันนี้ (27 ก.ย.)ศาลรัฐธรรมนูญ ออกเอกสารเผยแพร่ว่า  ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง โดยมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 1 สั่งให้รับคำร้อง 2 คำร้อง ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา 68

โดยเป็นคำร้อง นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กับคณะ กรณี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา กระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่รวมทั้งคำร้องของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ กรณีนายสมศักดิ์และพวกรวม 312 คน กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เมื่อศาลพิจารณาคำร้องเห็นว่า มีมูล จึงมีคำสั่งให้รับทั้ง 2 คำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสองส่วนตุลาการเสียงข้างน้อย โดยนายชัช ชลวร ตุลาการฯ เห็นว่า เมื่อพิจารณาจากลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 รัฐธรรมนูญ มุ่งประสงค์ให้อัยการสูงสุดเท่านั้น เป็นผู้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยผู้ทราบการกระทำดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง

ในส่วนคำขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้ระงับการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น ศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอ และให้แจ้งเลขาธิการรัฐสภา เพื่อแจ้งประธานรัฐสภาต่อไป
         
 นอกจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญยังได้มีการพิจารณาคำร้องของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ว่า นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ กระทำการเพื่อการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เนื่องจากนายวิรัตน์และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 กรณีที่ประธานรัฐสภา กับพวกรวม 310 คน ได้ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มาของ ส.ว. ฉบับที่...พ.ศ.... โดยเป็นมาตรา 111, 112, 115, 116 วรรคสอง 117, 118, 120, 241 วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา 113 และ 114 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้งข้อบังคับว่าด้วยการประชุมรัฐสภา ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ
         
 โดยศาลได้พิจารณาแล้ว มีมติด้วยเสียงข้างมาก 4 ต่อ 2 สั่งไม่รับคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า การยื่นคำร้อง หรือเสนอเรื่องดังกล่าวต่อศาลถือเป็นสิทธิของบุคคล เมื่อทราบว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อเท็จจริงตามคำร้อง ไม่ปรากฏมูลกรณีใดว่า นายวิรัตน์และพรรคประชาธิปัตย์ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง คำร้องจึงไม่เข้าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคสอง จึงไม่รับคำร้อง ดังนั้น ประเด็นคำขออื่นไม่จำเป็นต้องพิจารณา