ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 กันยายน) โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,129.67 จุด ร่วงลง 128.57 จุด หรือ -0.84% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,771.48 จุด ลดลง 10.11 จุด หรือ -0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,681.55 จุด ลดลง 10.20 จุด หรือ -0.60%
ขณะที่ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเมื่อคืนนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.6% ปิดที่ 310.46 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,143.44 จุด ลดลง 43.33 จุด หรือ -1.03% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,594.40 จุด ลดลง 67.11 จุด หรือ -0.77% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,462.22 จุด ลดลง 50.44 จุด หรือ -0.77%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กและยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า สหรัฐอาจจะต้องเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง โดยล่าสุด วุฒิสภาสหรัฐซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 54 ต่อ 46 ไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินซึ่งเป็นฉบับที่สภาผู้แทนราษฏรได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ มาตรการเลื่อนเวลาการบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพของประธานาธิบดีบารัค โอบามา หรือโอบามาแคร์ ออกไป 1 ปี นอกจากนี้ วุฒิสภายังมีมติไม่ผ่านมาตรการยกเลิกภาษีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งพรรคเดโมแครตมีความตั้งใจจะนำภาษีดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินโครงการโอบามาแคร์
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐจะส่งร่างกฎหมายที่มีเพียงมาตรการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-15 พฤศจิกายนฉบับนี้ ไปให้กับสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อ หากสภาผู้แทนราษฎรไม่ให้การรับรองร่างกฎหมายก่อนวันนี้ (1 ตุลาคม) เวลา 11.00 น. ตามเวลาไทย สหรัฐก็อาจจะเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางในบางส่วนในวันนี้ ซึ่งนับเป็นการปิดหน่วยงานครั้งแรกในรอบ 17 ปี
มอร์แกน สแตนลีย์ประมาณการว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง และจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ หดตัวลง 0.15% ต่อไตรมาส
ข่าวเด่น