ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ตุลาคม 2556) โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,133.14 จุด ลดลง 58.56 จุด หรือ -0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,693.87 จุด ลดลง 1.13 จุด หรือ -0.07% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,815.02 จุด ลดลง 2.96 จุด หรือ -0.08%
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 310.79 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมปีนี้ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,629.42 จุด ลดลง 59.72 จุด หรือ -0.69% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,158.16 จุด ลดลง 38.44 จุด หรือ -0.92% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,437.50 จุด ลดลง 22.51 จุด หรือ -0.35%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กและยุโรปปรับตัวลง หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดย ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐระบุว่า ภาคเอกชนสหรัฐจ้างตำแหน่งงานเพิ่ม 166,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่า ภาคเอกชนสหรัฐจะจ้างตำแหน่งงานเพิ่ม 178,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว
ขณะที่สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางธุรกิจในเขตนิวยอร์กได้ปรับตัวลงอย่างมากในเดือนก.ย. หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี โดยดัชนีภาวะธุรกิจเขตนิวยอร์กปรับตัวลงแตะ 53.6 ในเดือนก.ย.จากระดับ 60.5 ในเดือนส.ค. หลังจากที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อลดลงแตะ 46.3 ในเดือนดังกล่าวจากระดับ 59.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือนของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังจากสภาคองเกรสยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่วคราวได้จนถึงขณะนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความกังวลว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริงต่อชาวอเมริกัน
ข่าวเด่น