" พายุโซนร้อน Karen ที่พัดถล่มแท่นผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโก หนุนราคาน้ำมันดิบขึ้น "
น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบ พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.46 เหรียญฯ ปิดที่ 109.46 เหรียญฯ ขณะที่เวสต์เท็กซัสส่งมอบ พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.53 เหรียญฯ ปิดที่ 103.84 เหรียญฯ
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นหลังพายุโซนร้ อน Karen พัดเข้าถล่มชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกทำให้กว่า 50%ของก าลังผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโก ได้แก่ แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัท BP, Exxon และ Hess เป็นต้น ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 866,000 บาร์เรลต่อวัน ต้องหยุดดำเนินการลง รวมถึงการผลิตก๊าซธรรมชาติกว่า 1.8 ล้านลูกบากศ์ฟุตต่อวัน ที่ต้องหยุดดำเนินการไปด้วยเพราะผลกระทบจากพายุ นอกจากนี้ พายุดังกล่าวยังส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันของหลายบริษัทในแถบชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก ได้แก่ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัท Chevron, Exxon และ Motiva เป็ นต้น ต้องหยุดดำเนินการหรือลดกำลังการผลิตลงด้วย
-อย่างไรก็ตาม ล่าสุด (7 ต.ค.) พายุ Karen ได้ขึ้นฝั่งและอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว และคนงานของแท่นขุดเจาะน้ำมันบางส่วนเริ่มกลับเข้าททำงานอีกครั้ง ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกเริ่มปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้โรงกลั่นน้ำมันChevron รัฐมิสสิสซิปปี ที่มีกำลังผลิต 330,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้วด้วย
- ภาวะ Government Shutdown ยังไม่มีข้อสรุป แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเรียกร้องให้นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากรีพับลิกัน ยอมโหวตงบประมาณฉุกเฉินระยะสั้นเพื่อทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง หลังหยุดการทำงานไปแล้ว 5วัน
- ขณะที่นายโบห์เนอร์ กล่าวในที่ประชุมพรรครีพับลิกันว่าสภาผู้แทนราษฏรจะไม่โหวตผ่านร่างงบประมาณอย่างเดียว แต่จะเรียกร้องให้มีการพักโครงการโอบามาแคร์ไว้ก่อนและจะเรียกร้ องให้มีการตัดลดการใช้จ่ายเพื่อแลกกับการขยายเพดานหนี้ ก่อนที่หนี้สหรัฐฯ มูลค่า 16.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จะชนเพดานในวันที่ 17 ต.ค. นี้
-/+ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือน ก.ย. ที่จะประกาศในวันศุกร์ ที่ผ่านมา ต้องถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากเหตุ Government Shutdown อย่างไรก็ดี ตัวเลขคาดการณ์โดยรอยเตอร์มองว่าเดือน ก.ย. จะมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค.
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอินโดนีเซียยังคงนำเข้าในระดับต่ำ แม้มีกำหนดจะทำการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงกลางเดือนก็ตาม
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดีเซลยังคงมีจำกัดในฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในเอเซีย ท่ามกลางแรงซื้อจากแอฟริกาและศรีลังกาที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสนั้และปัจจยัที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทก็ซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอย่ทู กี่ รอบ 102-108 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106-112เหรียญฯ จับตาการแก้ปัญหา Government Shutdown และปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่จะมีกำหนดเส้นตายกลางเดือนนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่
วันจันทร์: -
วันอังคาร: ยอดการค้าระหว่างประเทศ ดัชนีภาคบริการจีน (HSBC Service PMI) รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดนำเข้า - ส่งออกของเยอรมนี
วันพุธ: ยอดค้าส่งสหรัฐฯ และรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
วันพฤหัส: ยอดนำเข้า-สั่งซื้อ ยอดขายร้านสาขา และยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และความรู้สึกผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- โอบามาจะทำให้หน่วยงานราชการของสหรัฐฯ กลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้งเมื่อไหร่ และจะแก้ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่มีกำหนดถึงเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ได้หรือไม่ ซึ่งหากสหรัฐฯ ไม่สามารถดำเนินมาตรการใดๆ อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้ได้
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองของอิตาลียังคงเป็ นที่น่าจับตา ว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเอ็นริโกจะมีเสถียรภาพเพียงใด เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อแผนการแก้ปัญหาหนี้ของอิตาลีได้
- จับตาการกลับมาส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียและอิรักว่าจะเพิ่มขึ้นได้ตามคาดการณ์หรือไม่ ภายหลังสถานการณ์ความตึงเครียดภายในลิเบียคลี่คลายลงบ้าง รวมไปถึงอิรักเองที่สามารถซ่อมท่อขนส่งน้ำมันได้
- ติดตามรายงานภาพรวมเศรษฐกิจและทิศทางเศรษฐกิจโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่จะออกมาในวันที่ 8 ต.ค. นี้ ซึ่งจะแสดงมุมมองของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในแต่ละภูมิภาค
- ติดตามรายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน ต.ค. โดยส านักสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ, EIA (8 ต.ค.) ส านักงานพลังงานสากล, IEA (10 ต.ค.)และโอเปก(11 ต.ค.)
ข่าวเด่น