บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ. ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม 2556

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 7 - 11 ต.ค. 56)
ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิม โดยประเด็นหลักที่น่าจับตามองยังคงเป็นเรื่องของการกลับมาเปิดดำเนินการของหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ หลังประสบภาวะ Government Shutdown เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดยังเฝ้าจับตาว่า  สหรัฐฯ จะมีวิธีการอย่างไรในการแก้ปัญหาหนี้ที่คาดว่าจะชนเพดานในช่วงกลางเดือน นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของอิตาลี การกลับมาส่งออกของลิเบียและอิรักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ตลาดน้ำมันที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ล้วนเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวนระหว่างสัปดาห์

ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
• ประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะทำให้หน่วยงานราชการของสหรัฐฯ กลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้งเมื่อใด หลังการหารืออย่างหนักกับผู้นำคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งหากการปิดดำเนินการครั้งนี้ยืดเยื้อนาน 3 – 4 สัปดาห์ อาจทำให้จีดีพีไตรมาส 4 ของสหรัฐฯ หายไปราว 1.4% อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายมองว่าการหยุดงานครั้งนี้อาจทำให้การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 29 – 30 ต.ค. นี้ อาจชะลอการตัดสินใจเรื่องการปรับลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ ออกไปก่อน
• ติดตามว่าสหรัฐฯ จะมีแผนการรับมือกับปัญหาเพดานหนี้ที่มีกำหนดจะแตะเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ อย่างไร ซึ่งหากพรรคเดโมแครตยังไม่สามารถหาข้อตกลงกับพรรครีพับลิกันในเรื่องบัญญัติประกันสุขภาพหรือโอบามาแคร์ได้ หรือยังไม่สามารถดำเนินมาตรการพิเศษใดๆ อาจส่งผลให้หนี้สหรัฐฯ ชนเพดานและทำให้สหรัฐฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้ได้
• เหตุการณ์ทางการเมืองของอิตาลียังน่าเป็นห่วง แม้นายกรัฐมนตรีเอ็นริโก เล็ตตา จะมีชัยชนะในการลงมติไม่ไว้วางใจหลังให้สัญญาว่าจะลดภาษีและเดินหน้าโครงการปฏิรูปสถาบันทางการเมือง แต่ก็ยังต้องจับตากันต่อไปว่ารัฐบาลของนายเอ็นริโกจะมีเสถียรภาพเพียงใด เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจกระทบต่อแผนการแก้ปัญหาหนี้ของอิตาลีได้
• อุปทานน้ำมันดิบโลกที่เพิ่มขึ้นกดดันราคาน้ำมันดิบ ล่าสุดลิเบียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 600,000 – 700,000 บาร์เรลต่อวัน ส่วนการส่งออกน้ำมันดิบของอิรักก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังการปิดซ่อมบำรุงท่าเรือส่งออกแล้วเสร็จ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในสหรัฐฯ
• ติดตามรายงานภาพรวมเศรษฐกิจและทิศทางเศรษฐกิจโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่จะออกมาในวันที่ 8 ต.ค. นี้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค
• รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน ต.ค. โดยสำนักสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ในวันที่ 8 ต.ค. โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันที่ 10 ต.ค. และโดยโอเปก ในวันที่11 ต.ค. นี้ว่าจะมีการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานน้ำมันโลกในปีนี้และปีหน้าอย่างไร

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ก.ย. - 4 ต.ค. 56)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 0.97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 103.84 เหรียญฯ ขณะที่เบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.83 เหรียญฯ ปิดที่ 109.46 เหรียญฯ ส่วนดูไบปรับเพิ่มเล็กน้อย มาอยู่ที่ประมาณ 106 เหรียญฯ
ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี ทั้งดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ดัชนีภาคบริการจีน และการว่างงานในสหภาพยุโรปที่ล้วนมีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ดี การยุติการทำงานของหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ หรือ Government Shutdown หลังสหรัฐฯ ไม่สามารถผ่านแผนงบประมาณประจำปีรอบใหม่ได้ ส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และส่งผลกดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก