ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยออยล์วิเคราะห์ราคาน้ำมัน : Karen อ่อนตัว วิกฤติงบประมาณสหรัฐฯยืดเยื้อ ฉุดเวสเท็กซัสร่วง



น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบ พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.22 เหรียญฯ ปิดที่ 109.68 เหรียญฯ ขณะที่เวสต์เท็กซัสส่งมอบ พ.ย. ปรับลดลง 0.81 เหรียญฯ ปิดที่ 103.03 เหรียญฯ
 
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลง เนื่องจากพายุ Karen ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน คลายความกังวลต่อปัญหาอุปทานตึงตัวลง ภายหลังบริษัทขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ในบริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯได้อนุมัติให้พนักงานกลับไปฏิบัติงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมันได้ตามปกติ ภายหลังจากการอพยพในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลว่าพายุ Karen จะเข้าพัดถล่มบริเวณดังกล่าว โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบบริเวณอ่าวเม็กซิในภาวะปกติอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 23 %ของกำลังการผลิตรวมสหรัฐฯ
 
- ภาวะ Governement Shutdown สหรัฐฯยังคงยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัค โอบามา ยืนยันหนักแน่นให้มีการผ่านงบประมาณฉุกเฉินโดยปราศจากเงื่อนไข ในขณะที่พรรครีพับลิกันยืนกรานจะไม่ยอมผ่านงบประมาณดังกล่าวหากไม่มีการเลื่อนการบังคับใช้กฏหมายโอบามาแคร์ โดยเหตุการณ์การเจรจาที่ยืดเยื้อดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลต่อปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 17 ต.ค. นี้ ซึ่งหากยังไม่มีการปรับเพดานหนี้ อาจส่งผลให้สหรัฐฯต้องผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรก
 
- กำลังการผลิตจากแหล่งทะเลเหนือในเดือนพ.ย.คาดว่าจะพุ่งสูงสุดในรอบปีที่ 0.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 0.87 ในเดือนก่อนหน้า ภายหลังจากการกลับมาจากปิดซ่อมบำรุงในช่วงฤดูร้อน
 
+ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสได้รับแรงหนุนจากท่อขนส่งน้ำมันดิบ Seaway Pipeline ท่อหลักที่สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ภายหลังจากการปิดซ่อมกระทันหัน ล่าสุดกำลังการขนส่งของท่อหลักดังกล่าวอยู่ที่ 0.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการขนส่งที่ 0.29 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงก่อนหน้า
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณการนำเข้าจากผู้นำเข้าหลักในภูมิภาคอย่างอินโดนีเซียยังอยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้ว่าจะมีความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจากฟิลิปปินส์และอินเดียอยู่บ้าง
 
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ดี อุปทานภายในภูมิภาคปรับลดลงบ้าง เนื่องจากโรงกลั่นในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ บางส่วนกำลังปิดซ่อมบำรุงและลดกำลังการกลั่น
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 102-108 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106-112 เหรียญฯ จับตาการแก้ปัญหา Government Shutdown และปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่จะมีกำหนดเส้นตายกลางเดือนนี้
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันอังคาร: ยอดการค้าระหว่างประเทศ ดัชนีภาคบริการจีน (HSBC Service PMI) รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดนำเข้า - ส่งออกของเยอรมนี
วันพุธ: ยอดค้าส่งสหรัฐฯ และรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
วันพฤหัส: ยอดนำเข้า-สั่งซื้อ ยอดขายร้านสาขา และยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และความรู้สึกผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี
 
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- โอบามาจะทำให้หน่วยงานราชการของสหรัฐฯ กลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้งเมื่อไหร่ และจะแก้ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่มีกำหนดถึงเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ได้หรือไม่ ซึ่งหากสหรัฐฯ ไม่สามารถดำเนินมาตรการใดๆ อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้ได้
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองของอิตาลียังคงเป็นที่น่าจับตา ว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเอ็นริโกจะมีเสถียรภาพเพียงใด เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อแผนการแก้ปัญหาหนี้ของอิตาลีได้
- จับตาการกลับมาส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียและอิรักว่าจะเพิ่มขึ้นได้ตามคาดการณ์หรือไม่ ภายหลังสถานการณ์ความตึงเครียดภายในลิเบียคลี่คลายลงบ้าง รวมไปถึงอิรักเองที่สามารถซ่อมท่อขนส่งน้ำมันได้
- ติดตามรายงานภาพรวมเศรษฐกิจและทิศทางเศรษฐกิจโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่จะออกมาในวันที่ 8 ต.ค. นี้ ซึ่งจะแสดงมุมมองของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในแต่ละภูมิภาค
- ติดตามรายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน ต.ค. โดยสำนักสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ, EIA (8 ต.ค.) สำนักงานพลังงานสากล, IEA (10 ต.ค.) และโอเปก (11 ต.ค.)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ต.ค. 2556 เวลา : 11:56:44

04-10-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 4, 2024, 1:24 pm